เมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ทางทีมงาน AIS ได้ชวนไปเที่ยวทั่วกรุงเพื่อเช็คสัญญาณ 3G
ในทริปนี้มีกิมมิคเก๋ๆในการตะลุยสถานที่ที่เป็น “ที่สุด” ในกรุงเทพ
เริ่มจากการนัดพบกันที่ “ร้านกาแฟที่ชิคที่สุดในกรุงเทพฯ”
พอคิดออกมั้ยคะว่าร้านอะไร….
“Agalico”
ร้านนี้เป็นคาเฟ่สไตล์อังกฤษตั้งอยู่ที่ซ.สุขุมวิท 51
ภายในร้านเป็นลักษณะบ้านสีขาว ตกแต่งแนวยุโรป
ให้ความรู้สึกอบอุ่น รอบๆบริเวณมีสวนในนั่งชิล
เมื่อถึงเวลานัดหมาย ทุกคนก็มานั่งชิลๆ จิบชา ทานขนมกัน
เราสั่งชาสตอเบอร์รี่และบราวน์นี่ อร่อยมากๆค่ะ
จากนั้นทางผู้บริหาร AIS ก็กล่าวเปิดงาน และส่งต่อให้ทางเจ้าหน้าที่ทางเทคนิค
อธิบายถึงการเติบโต และการมุ่งพัฒนาสัญญาณของ AIS ตลอดปีที่ผ่านมา
ซึ่งจากรายงาน ทาง AIS เป็นเครือข่ายที่มีสถานีฐาน 3G ที่เยอะที่สุด
และเป็นค่ายที่เพิ่มสถานีฐานเร็วที่สุด โดยพื้นที่ในกทม
มีการติดตั้งสถานีฐานไปแล้วกว่า 4,000 สถานี โดยค่าเฉลี่ยของความเร็วต่ำสุด 3G จะอยู่ที่ 2 Mbps
และจากรายงานการทดสอบของ กสทช. ณ วันที่ 22 ก.ย. ที่ผ่านมา
AIS เป็นค่ายที่โทรออกสำเร็จ 100% จำนวนสายหลุดเป็น 0
และเป็นค่ายที่มีความเร็วอินเตอร์เน็ทที่เร็วที่สุด (ความเร็วเฉลี่ย 2531.04 kbps.)
พร้อมกับเปิดตัว Application ตัวใหม่ “AIS Signal Plus”
ซึ่งเป็น app ที่สามารถตรวจเช็คสัญญาณ
และรายงานปัญหาการใช้งานได้ทันที ซึ่งสามารถใช้ได้แล้วในระบบ Andriod
ส่วนใน iOS ขณะนี้กำลังทดสอบระบบกันอยู่ค่ะ
ลองตรวจเช็คสัญญาณที่นี่ดูแล้ว อยู่ในระดับที่ดีเลยล่ะ เน็ทแรงมากกกก
จากนั้นก็ออกเดินทางกันต่อด้วย BTS เพื่อไปเช็คสัญญาณกันที่สยาม
“จุดที่คนหนาแน่นมากที่สุดในกรุงเทพฯ”
ที่จุดนี้ก็ลองเช็คสัญญาณกันดู ก็แรงดีค่ะ สัญญาณไม่ขาดหาย
จากสยามก็เดินทางกันต่อโดย BTS ไปลงสถานีสะพานตากสินเพื่อไปล่องเรือ
ที่แม่น้ำเจ้าพระยา “แม่น้ำสายสำคัญที่สุดในกรุงเทพฯ”
ตลอดวิวสองข้างทางก็เป็นจุดถ่ายรูปของนักท่องเที่ยวต่างชาติ
ในครั้งนี้ก็มีพี่ไกด์ใจดี อธิบายสถานที่สำคัญๆตลอดทางค่ะ
และจุดมุ่งหมายของเราอีกที่ นั่นก็คือ “วัดที่ถูกถ่ายรูปมากที่สุดในกรุงเทพฯ”
วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร (วัดอรุณฯ หรือวัดแจ้ง) นั่นเองค่ะ
วัดนี้เดิมชื่อว่า “วัดมะกอก” แต่ถูกเปลี่ยนชื่อภายหลังเพราะชื่อนั้นซ้ำกับอีกแห่ง
และที่เรียกกันว่า “วัดแจ้ง” นั้น ก็เพราะในสมัยที่พระเจ้าตากสินมหาราชทรงย้ายราชธานี
มายังกรุงธรบุรี ทรงเสด็จมาถึงหน้าวัดในช่วงรุ่งอรุณ จึงได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น “วัดแจ้ง”
ส่วนที่มาของคำว่า “วัดอรุณฯ” นั้น ก็มาจากสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ ๒
พระองค์ทรงดำเนินการปฏิสังขรณ์และทรงปั้นหุ่นพระพุทธรูปด้วยฝีพระหัตถ์
และโปรดให้หล่อขึ้นประดิษฐานเป็นพระประธานในพระอุโบสถ แล้วโปรดพระราชทาน
พระนามวัดว่า “วัดอรุณราชธาราม” และเป็นวัดประจำราชกาลที่ 2 ค่ะ
วัดนี้ผูกพันกันตั้งแต่เด็กๆ เป็นวัดที่สวยทั้งกลางวันและกลางคืน
ในวัดแห่งนี้พี่ไกด์ก็พาไปสักการะและเที่ยวชมรอบๆบริเวณวัด
ไหว้พระ รับพรกันแล้วก็ไปทำทาน ให้อาหารปลากันต่อ
แดดร้อนแต่สู้กันสุดๆค่ะ จุดนี้ถ่ายรูปกันรัว อัพกันสนุกสนาน เน็ทแรงดีค่ะ
จากนั้นก็นั่งเรือกันกลับไปยังท่าเรือ เพื่อต่อรถไปยังตึกใบหยก 2
สถานที่ปลายทางของทริปนี้ซึ่งเป็น “ตึกที่สูงที่สุดในกรุงเทพฯ”
ตึกนี้สูง 85 ชั้น 304 เมตร
มื้อเย็นนี้ ไปทานกันที่ Baiyok Balcony Premium Outdoor ชั้น 81
เป็นอาหารแบบบุฟเฟต์ นั่งที่ระเบียงกระจกรอบนอก
ราคาต่อคนอยู่ที่ 1,280 บาทค่ะ
อย่างแรกที่ว้าว…คือวิว เราไม่เคยเห็นวิวกรุงเทพฯจากมุมสูงขนาดนี้มาก่อน สวยมากๆ
กรุงเทพฯของเราสวยมากๆทั้งกลางวันและกลางคืนเลย
พูดถึงเรื่องอาหารบ้าง… ถ้าคิดว่าจะเน้นความอร่อย ให้หาที่อื่นเลยค่ะ
เพราะอาหารธรรมดามากๆ ที่ราคาหลักพัน น่าจะเป็นค่าวิวซะส่วนใหญ่
อาหารค่อนข้างชืด มีที่อร่อยมากๆคือ แกงกะหรี่ อเมซซิ่ง มันอร่อยมาก
เนื้อนุ่ม รสแน่นมาก อร่อยจนต้องตักรอบสองพูนๆ
อย่างอื่น No comment แล้วกัน เน้นวิว ชิลกับเพื่อนๆ เพลินๆค่ะ
ปิดท้ายปาร์ตี้กันที่กิจกรรมแจกของรางวัล ในงานนี้แจก iPhone 5s สีทอง
ซึ่งจะให้กับคนที่โพสท์รูปและ tag #AIS3g มากที่สุด
คนที่ได้ไปคือ… น้องยูริ นั่นเองจ๊า
ไม่แปลกใจเพราะเห็นน้องแกเดินไปถ่ายไปอัพไป
เห็นแบบนี้เรา Give up ตั้งแต่เริ่มงานเลย 555
รวมๆแล้วน้องบอกว่า 270 รูปได้ค่ะพี่ … ซู้ดดดยอดดดดด ยินดีด้วยจ้า
ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่นจริงๆ
งานนี้ต้องขอขอบคุณ AIS สำหรับทริปทัวร์ที่สุดรอบกรุงในครั้งนี้
สนุกสนานกันอิ่มกาย อิ่มบุญกันตลอดวัน ขอบคุณมากๆเลยค่ะ
Categories: Dining & Traveling
น่าสนุกดีจ้า
วิวบนตึกสวยมากกก