การไปเกาหลีครั้งที่ 6 ของเราครั้งนี้พิเศษกว่าทุกๆครั้ง
เพราะเป็นการไปร่วมงาน K-Beauty Festival ร่วมกับ Blogger และ Makeup Artist จากจีนและเกาหลี
ครั้งนี้จัดโดย Ceci แมกกาซีนอันดับ 1 ในเกาหลีค่ะ
ตัวแทนจากไทยที่ทาง Ceci ได้เลือกมาก็มีเรา, น้องทราย ฟิโอ, พี่ท้อฟฟี่ และน้องเมอา
เราออกเดินทางกันด้วยสายการบิน Korean Air สายการบินนี้ตรงเวลาสุดๆ เป๊ะมากๆ
ที่นั่งก็สบายนะ เป็น Airbus 330-300 ที่นั่งกว้างไม่อึดอัด เราออกเดินทางกันไฟลท์เช้าวันที่ 5 MAR
ไปถึงที่เกาหลีก็ช่วงเย็นๆค่ะ
นั่งเครื่องไปถึงก็แวะทานข้าวกันที่สนามบิน อากาศช่วงเย็นนี้ประมาณ 3 องศาค่ะ
จากนั้นก็นั่งรถบัสไปที่โรงแรมกัน ในครั้งนี้พักที่ Grand Hyatt Seoul ตลอดทริปค่ะ
ถึงโรงแรมแล้วก็เปลี่ยนชุดเพื่อไป press conference ช่วงค่ำ เพื่อแนะนำตัวให้รู้จักกันก่อน
Blogger ชาวเกาหลี friendly สุดๆเลย ทักทายยิ้มแย้มตลอด เป็นเจ้าบ้านที่น่ารักจริงๆ
จากนั้นก็พักผ่อนกันค่ะ ทริปนี้นอนคนเดียวทุกคืน ห้องก็กว้างดี แต่ที่เด็ดคือวิวข้างหน้าต่าง
ตื่นเช้ามาก็เห็นพระอาทิตย์ขึ้นตรงหุบเขาพอดีเลย
อ๊ากก…ทาง Ceci เตรียมไอเท็มทำสวยไว้ให้ก็ไม่บอก แบกจากไทยมาครบเซ็ทเลย
แต่ที่เด็ดคือ…เรานอน 3 คืน ก็มาแบบนี้ 3 เซ็ท ต่างไอเท็มกัน ตกใจมาก…
.
.
6 MAR 2014
เช้าวันนี้ตื่นตอน 6 โมงเช้า (ตีสี่บ้านเรา) รีบลงไปทานข้าว
เราเองก็ตกใจที่ค่าอาหารเช้า แยกต่างหากจากค่าห้องพัก ลองถามคนเกาหลีดู
เค้าก็บอกว่ารร.แพงๆมักเป็นแบบนี้ ค่าบุฟเฟ่ต์ตอนเช้า คนละ 41,000 วอนแน่ะ (1,300 บาท) ต่อมื้อ
จากที่อิ่มกันแล้วก็นั่งรถกันไปที่โรงงาน AMORE PACIFIC
เรากรี๊ดมาก เพราะอยากมาดูที่นี่นานแล้ว และคนทั่วไปเข้าไม่ได้ ครั้งนี้โอกาสดีสุดๆที่ได้มา
ค่าย AMORE PACIFIC เป็นค่ายเครื่องสำอางใหญ่ที่สุดในเกาหลีค่ะ มีแบรนด์ดังๆมากมาย
เช่น Sulwhasoo, HERA, ETUDE, Laneige, IOPE, Innisfree, Espoir เป็นต้น
วันนี้หยิบเอี๊ยมตัวโปรดที่เพิ่งซื้อจากญี่ปุ่นมาใส่ สรุปว่าเป็นแฝดกับน้องทรายเลย ใจตรงกัน
.
จากนั้นเราก็เข้า beauty class จัดโดย laneige ค่ะ
ในคลาสนี้จะสอนแต่งหน้าในแบบของดาราเกาหลี สรุปสั้นๆได้ว่า เทรนด์ฮอตตอนนี้
คือการทาตาด้วยโทนสีบางๆ แต่สีปากแน่นด้วยโทนสีสดใส
จากนั้นทางทีมงานก็พาเดินทัวร์รอบ Headquarter ซึ่งจะใช้ชื่อว่า Story Garden
เข้าไปชมภาพยนต์ที่เล่าความเป็นมาของบริษัทก็ทำได้น่ารักมากๆ และจุดกำเนิดของ
AMORE PACIFIC มาจากความลับของดอกคามิลเลียค่ะ ซึ่งก็เป็นสัญลักษณ์ของบริษัทนี้
ภายในก็มีจัดแสดงส่วนผสมหลักของผลิตภัณฑ์ต่างๆ ซึ่งมีให้ดมกลิ่นด้วย
และให้เดินเยี่ยมชมไลน์การผลิตเครื่องสำอาง ซึ่งตรงนี้เค้าห้ามถ่ายรูป
แต่บอกได้เลยว่าเจ๋งมากๆ ทำงานกันรวดเร็ว และแม่นยำ และโรงงานใหญ่มากๆค่ะ
ในส่วนสุดท้ายก่อนออกจากส่วนจัดแสดงก็มีโปสเตอร์ของครีม ABC ซึ่งเป็นครีมแรก
ของ AMORE PACIFIC รวมทั้งมีกิจกรรมน่ารักๆ ให้ถ่ายรูปแล้วแต่งภาพเป็นที่ระลึกค่ะ
ถ่ายกับ Blogger ชาวจีนคนดัง มีช่องทีวีเป็นของตัวเองด้วย
.
.
จากนั้นก็มาเข้าคลาสทำลิปสติกกันค่ะ
ในครั้งนี้สีต้นแบบคือ YR25 Neon Orange สีนี้ฮอตที่สุดของลาเนจตอนนี้เลย
เพราะว่านางเอกสาวในซีรีย์ใช้จนเป็นกระแสขาดตลาดไปทั่ว
แต่ทางอาจารย์ที่สอนทำลิปก็บอกว่าผสมได้อิสระเลยนะ เราก็เลยละเลงสีเองเลยค่ะ
ได้ออกมาเป็นโทนพีชป๊อปๆ มีแท่งเดียว และผสมได้ครั้งเดียว Limited Edition นะขอบอก!
.
.
laneige ยังมีเซอร์ไพรส์อีกรอบ ด้วยการให้ Lipstick ที่ Engrave ชื่อเรา
และสีนี้ก็เป็นอีกสีที่ป๊อปมากๆ เพราะซีรีย์เกาหลีอีกนั่นแหละ สีชมพูป๊อปๆ เนื้อดีมาก
LR205 Flash Light
.
.
จบจากกิจกรรมที่ AMORE PACIFIC ก็แวะพักกันที่ Mango Six ย่าน Ehwa Woman University
ซึ่งร้านนี้เป็นร้านที่ใช้ถ่ายทำซีรีย์เกาหลีด้วยค่ะ
ยังเหลือเวลาอีกครึ่งชม. เราเลยลงไปช้อปซักหน่อย
ย่านนี้ของไม่แพง และของน่ารักเยอะนะ สมกับเป็นย่านมหาลัยสาวๆจริงๆ
น่าแปลกมากที่วันนี้มีหิมะปรอย ทั้งๆที่เข้าฤดูใบไม้ผลิแล้ว อากาศก็ราวๆ 3-4 องศา
ร้านแรกที่พุ่งตัวไปก็คือ Banila Co. แบรนด์นี้ยังไม่เข้าไทย และ CC cream เค้าดังมว๊ากกก
ได้รางวัลหลายที่ เราเลยซื้อแบบเซ็ทมา (เดี๋ยวมารีวิวนะคะ) เป็น CC base + CC cushion
ราคา 60,000 วอน ได้ลดไปอีก 10% ค่ะ ราคาโอเคเลย
จากนั้นก็ขาดไม่ได้ ถุงเท้า!!!
ถุงเท้าที่เกาหลีเป็นของที่ไม่ซื้อไม่ได้ เพราะมันถูกมาก คู่ละ 1,000 วอน หรือ 30 บาทเท่านั้นเอง
(ตอนนี้ค่าเงินแพง อยู่ที่ 0.033 ทุกทีเราไปก็แลกอยู่ที่ 0.023 เองค่ะ)
ในครึ่งชม.ได้ของมาหลากหลาย แถมได้บู้ทคู่นี้มาด้วยล่ะ
เห็นปุ๊ปคว้าเลย เหลือคู่สุดท้าย ใส่ได้พอดี ราคาปกติมัน 69,000 w ลดเหลือ 29,000 w สอยโลดด
ถูกมากกก… ของถูกๆมักจะพื้นรองเท้าไม่ค่อยดี ซึ่งตามคาดนะ แต่เราไม่หวั่น
เพราะซื้อพื้นรองเท้าจากญี่ปุ่นมา เป็นตัวกันกระแทกส้นเท้า ดีมากๆเลย เอาไว้จะถ่ายรูปให้ดูกัน
ชิ้นนึงมันพันเยน (350 บาท) มีให้เลือกหลายความสูง ไดโซะก็มีแต่ไม่ทนค่ะ
พอใส่คุชชั่นนี้เข้าไป ก็กลายเป็นรองเท้าที่นิ่ม เดินสบายไปเลยล่ะ…
เมื่อถึงเวลานัดหมายก็เข้าไปทำกิจกรรมกับ HANSKIN แบรนด์ที่ดังเรื่อง BB cream สุดๆ
ในครั้งนี้เราจะได้ลองผลิตภัณฑ์และเลือกบีบีที่เหมาะกับผิวมากที่สุดค่ะ
บีบีเค้ามีเยอะจนตาลาย น่าใช้ไปหมด แต่ที่เราชอบสุดก็คือตัวนี้….
Bio Origin Royal Ampoule BB (45,000 w)
จากนั้นก็ให้พวกเราโหวตกันว่าชอบผลิตภัณฑ์ตัวไหนมากที่สุด ทีมไทยก็โหวตทั้งเมคอัพ
และสกินแคร์ค่ะ กระปุกฟ้านี้ดีมากเลย บำรุงได้ดี ไม่เหนอะผิว เลยได้ใจกันไปเต็มๆ
หลังจากจบกิจกรรม ทาง HANSKIN ก็จัดเซ็ทใหญ่มาให้ทุกคน เปิดมาก็ช็อคเบาๆ
เห้ยยย… บีบีจัดเต็ม….
จากนั้นก็เป็น Free time เดินเล่นรอบๆบริเวณนี้และไปทานอาหารเย็นกันค่ะ
จบไปหนึ่งวันชิลๆ….
.
.
7 MAR 2014
วันนี้ตื่นสายๆ แถมชิลๆ ไม่ต้องแต่งหน้าด้วย เพราะจะต้องไป workshop กันที่ Holika Holika
แต่การออกมาเจอผู้คนโดยที่โนเมคเนี่ย มันรู้สึกโป๊ๆยังไงบอกไม่ถูกนะ….
กิจกรรมแรก แวะช็อปที่ Laneige ย่านเมียงดงค่ะ ในกิจกรรมเช้านี้ก็ให้เราลองผลิตภัณฑ์
และเลือกชิ้นที่ชอบที่สุดกลับบ้าน…
ชิ้นที่เราเลือกกลับบ้านคือชิ้นนี้ค่ะ…
Sleeping Pack ตัวใหม่ล่าสุด ใช้งานง่ายขึ้น พกพาสะดวกด้วย
.
.
จบจากกิจกรรมเช้าก็ไปต่อกันที่ Workshop ที่ร้าน Holika Holika
ในงานนี้มี Mr. Kim Seung Won ซึ่งเป็น makeup artist ที่ดังมากคนนึงในเกาหลี
แต่งหน้าดาราดังๆและนางแบบต่างๆ ในครั้งนี้มาเป็นอาจารย์สอนในการเมคอัพ
“Spring Look” โดย Holika Holika ค่ะ
ก่อนเริ่มการแต่งหน้า ทาง Holika Holika ก็แนะนำ TOP 3 Best seller ว่ามีอะไรบ้าง
อันดับ 1 เป็นบีบีครีมที่เป็นลักษณะลูกกลิ้ง เนื้อบีบีค่อนข้างบางเบาค่ะ กลิ้งบนใบหน้าทำให้เรียบเนียนง่าย
อันดับ 2 คือ BB Cushion และอันดับ 3 คือ Pore pack ค่ะ
จากนั้น Mr. Kim ก็ออกมาสาธิตการแต่งหน้าด้วยนิ้วมือแบบง่ายๆ
เพราะสีตาตอนนี้เน้นบางเบา แต่สีปากแน่น ที่ขำคือ Mr. Kim แต่งที่ตาตัวเองให้ดูด้วย
ทำเอาบล๊อกเกอร์รัวชัตเตอร์กันใหญ่เลยล่ะ…
ไอเท็มที่ใช้ในวันนี้ก็มีไม่เยอะค่ะ ที่เกาหลีเนี่ย เน้นเบส กับบีบี แต่จะไม่ปัดแป้งฝุ่นเลยค่ะ
สำหรับคนไทยคงเป็นเรื่องยาก เพราะหน้าจะเยิ้มง่ายมากๆ
แต่ในคลาสนี้ก็ลองไม่ปัดแป้งดู ด้วยความที่อากาศแห้ง เลยโอเคค่ะ
จากนั้นก็แต่งตาค่ะ ไอเท็มที่เรากรี๊ดมาก คือ Curl Mascara
แท่งสีฟ้าคาดเขียว ตัวนี้เริ่ดมาก เพราะงอนเด้ง
อีกชิ้นก็เป็นทิ้นท์แบบแห้ง สีชัด ติดทนดีค่ะ
เมื่อแต่งเสร็จแล้วก็จะได้ลุคใสๆ แบบนี้ค่ะ
ก่อนกลับอีกเช่นเคย ทาง Holika Holika จัดเซ็ทมาให้เอากลับไปใช้ที่บ้าน
ต้องขอขอบคุณมากๆเลยค่ะ
.
.
จากนั้นก็เดินทางไปที่ร้าน Skinfood ค่ะ
แบรนด์นี้เป็นแบรนด์แรกๆที่เข้ามาในไทยก็ว่าได้ แต่การ PR ไม่แรงนักจึงดูเงียบๆไป
ในหมู่คนไทย สินค้าที่ขายดีมากๆก็คงหนีไม่พ้น ยาทาเล็บ, เบสองุ่น, แป้งตลับ
แต่ในครั้งนี้ เราจะมาค้นหาไอเท็มที่ขายดีที่สุดในเกาหลี TOP 5 กันค่ะ
กิจกรรมสนุกๆก็คือให้แต่ละทีมของแต่ละประเทศ วิ่งลงไปหยิบให้ครบ 5 ชิ้นที่คิดว่าเป็นของขายดี
ทีมไทยเรา หยิบถูกทุกชิ้นเลยล่ะ แต่ว่าแพ้เรื่องเวลา เพราะทีมจีนเร็วกว่า เลยอดได้ที่ 1 ไป
ระหว่างรอประกาศผล ก็มีกิจกรรมฮาๆ ซึ่งทีมจีน ส่งตัวแทนออกมาร้องและเต้นให้ความบันเทิง
ฮีขำมากๆคนนี้ Cao weijie รู้สึกว่าจะเป็น Makeup Artist ของจีน
ในวันแรกฮีแต่งตัวเป็นตำรวจ เล่นเอาเราอึ้งไปเลย…เห้ย…แฟชั่นจัดเต็มอ๊า…
วันนี้ฮีมาในลุค Pop star เลยเอ็นเตอร์เทนคนตลอดทริป ส่วนอีกวันฮีแต่งตัวเหมือน PSY เด๊ะๆเลยล่ะ
จากตัวใบ้ที่ตกแต่งในห้องก็พอทราบว่าอะไรได้ที่ 1
ส่วนอันที่เหลือ ทีมไทยเราดูจาก Tester ค่ะ อันไหนยุบมากแสดงว่าขายดีล่ะมั้ง
มาดูเฉลยกันค่ะ
จบจากกิจกรรมเดาของขายดี ก็ปล่อยให้เราลงไปช้อปกันด้านล่าง
ไอเท็มที่เราชอบมากๆ คือลิปสติกค่ะ ซึ่งเป็นแบบ DIY ให้เราเลือกปลอกเอง และเลือกสีเอง
ราคาแยกจำหน่ายกันคือ ปลอก 2000w และลิป 5000w ค่ะ
.
.
ในช่วงเย็น เราก็เดินทางกันไปต่อที่ Jenny House
ที่นี่เป็นร้านที่ Makeover ทั้งหน้าและผมชื่อดัง มีดารา นักร้องมากมายที่มาทำที่นี่
วงโปรดเราก็ใช้ร้านนี้ประจำเช่นกันค่ะ AFTERSCHOOL กรี๊ดเลย…
เดินขึ้นไปก็กรี๊ดกันอีกรอบ เพราะเครื่องสำอางเรียงเต็มโต๊ะ ทุกชิ้นผ่านศึกมามากมาย 55
ในครั้งนี้ทาง Jenny House จะแปลงโฉมพวกเราให้เหมือน Korean Star ค่ะ
โดยให้เราออเดอร์ว่าอยากได้ Look แบบไหน
ของเราออเดอร์ไปว่า อยากได้แนวร้ายๆ Sexy Chic แนวๆนี้ ทางร้านก็จัดให้
เพิ่งมารู้ทีหลังว่า ช่างแต่งหน้าที่แต่งให้เราเนี่ย คือมืออันดับต้นๆของทางร้าน
และเค้าก็ออกรายการทีวีด้วย การแต่งตาสไตล์เกาหลีตอนนี้ ต้องมี “ถุงใต้ตา”
ทั้งเกาหลีและญี่ปุ่นฮิตมาก ขนาดว่าไปศัลกรรมเพื่อยัดถุงใต้ตากันเลย
แหม..คนไทยพยามมาตลอดชีวิตเพื่อเอาถุงออก =o=
การลงรองพื้นของที่นี่ใช้พาย คล้ายมีดสปาตูล่าปาดเหมือนปาดครีมบนเค้ก
จากนั้นก็ใช้ฟองน้ำอันใหญ่เท่าแก้ม ตบๆๆๆ ก็เน้นกริบ
การดัดขนตาก็มีวิธีเก๋ๆ คือใช้ไม้เสียบลูกชิ้นลนไฟ แล้วนำมาดันที่โคนขนตา จากนั้นค่อยดัด
ขนตาแผ่กระจายสวยงามมากๆ การแต่งหน้าในวันนี้ช่างเน้นตาที่แน่นเป็นพิเศษค่ะ
อัดอายไลน์เนอร์ถึง 5 รอบเลยทีเดียว
แต่งหน้าเสร็จแล้วก็ไปทำผมกันต่อค่ะ…
เราเอาทรงตามใจช่าง ไดร์ๆม้วนๆแบบพลิกไปพลิกมา ได้ทรงยุ่งๆ แต่ดูเกาหลีมาก
เดี๋ยวต้องลองฝึกทำดูบ้าง…
.
.
Final Look
จากนั้นก็ไปถ่ายรูปค่ะ จะลงใน Ceci ฉบับถัดไปในช่วง Spring
แปลงร่างกันครบทีมแล้ว
มาถ่ายรูปหมู่กันหน่อย….
ด้านราคา ที่ Jenny House ก็แรงเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน เพราะค่าแต่งหน้าอย่างเดียวอยู่ที่ 9,000 บาท
และ ค่าทำผม 2,500 บาทค่ะ
แต่ที่นี่จะดังสุดๆเรื่องแต่งหน้าเจ้าสาว ซึ่งส่วนมากดาราชอบใช้บริการ
เพราะเรทราคาแรงเวอร์ คือครั้งละแสนบาทค่ะ
.
.
จากนั้นก็ไปทานหมูสามชั้นย่างกันค่ะ ร้านเก๋ๆ ใกล้ๆกับที่ Jenny House
คืนนี้กลับไปยังไม่อยากจะลบหน้าเลยเสียดาย….
กลับไปก็วุ่นๆกับการแพคกระเป๋า เพราะวันนี้สปอนเซอร์จัดเต็มมากๆค่ะ
ของมาชิ้นหนักๆ ใหญ่ๆทั้งนั้นเลย และยังมี Beauty Bag ที่ทาง Ceci จัดให้ทุกวันในโรงแรมอีก
ยังเหลือพรุ่งนี้อีกวัน จะไหวมั้ยเนี่ย
เราชอบครีมหมักผมกระปุกขาว ยี่ห้อ Ryo นี้มากๆค่ะ อันนี้ก็มาจากค่าย AMORE PACIFIC เช่นกัน
เป็นแบรนด์ Haircare ที่ติด Top 3 ในเกาหลีค่ะ แชมพูขวดนึงประมาณ 330 บาท
ส่วนแฮร์มาส์กก็ 660 บาทค่ะ ใช้ดีมาก ผมนิ่ม พองตัวสวย ไม่ลีบแบน แต่ว่าสีผมเฟดออกเลย
คนทำสีผมมาสวยๆ ไม่แนะนำค่ะ แต่ถ้าไม่ใส่ใจเรื่องสีผมมากนัก น่าจะชอบเลยล่ะ
อีกชิ้นที่กรี๊ดเวอร์มากๆคือ O’Sulloc Premium Tea
มันหอมมากกก เป็นชาที่อร่อยมาก หอมมากกกก รักมากกก หมดแล้วจะซื้อต่ออย่างไรเนี่ย T T
จัดกระเป๋าไปมา อ้าวตีหนึ่งแล้ว รีบนอน พรุ่งนี้มีอีก 2 event ค่ะ
.
.
8 MAR 2014
เช้าวันนี้ตื่นมาที่ -3 องศา อากาศยังเย็นอยู่ พอช่วงสายๆก็อุ่นขึ้นเล็กน้อยที่ 4 องศาค่ะ
ออกมาถ่ายรูปเล่นกันที่บริเวณโรงแรม ระหว่างรอ Check Out
จากนั้นก็นั่งรถไปที่เมียงดงกันค่ะ ไปที่ Shop ETUDE HOUSE ที่เป็นช็อปหลัก
ร้านนี้น่ารักมากๆ ตกแต่งทุกอย่างแนวเจ้าหญิง จุดเด่นของแบรนด์ก็คือ
Beginner’s best friend ซึ่งความหมายของ ETUDE คือ อินโทรของเพลง
จึงสื่อว่า ถึงแม้จะเป็นมือใหม่ก็สามารถสนุกสนานกับผลิตภัณฑ์ทุกๆชิ้นได้
ในร้านมีมุมกิจกรรมหลายส่วนค่ะ ตั้งแต่การลองรองเท้า Glass Shoes ซึ่งเป็นเบอร์ 235
ใครใส่ได้ก็ได้มงกุฏอันเล็กเป็นที่ระลึก
ถัดไปอีกมุมก็เป็นมุมถ่ายโพรารอยด์ค่ะ จะมีมงกุฏใหญ่หลายดีไซน์ให้เราเลือกถ่าย
ถัดไปใกล้ๆกันก็จะมีตู้หมุนให้หยอดเหรียญเล่นค่ะ อันนี้ต้องซื้อครบตามจำนวนที่ทางร้านจัดโปรไว้
ถึงจะมาเล่นได้ค่ะ
จากนั้นก็ให้สัมภาษณ์เล็กๆน้อยๆ ก่อนไปถ่ายรูปเล่นกันต่อกับ Blogger ชาวจีนและเกาหลี
เพราะนี่เป็นกิจกรรมสุดท้ายที่จะได้เจอกันในทริปนี้
(Blogger & makeup artist from China)
(Blogger from Korea)
ก่อนแยกย้ายกันก็ถ่ายรูปหมู่กันก่อนค่ะ
.
.
จากนั้นก็เดินทางไปทำ Head Spa กันต่อ
ซึ่งในครั้งนี้จะใช้ผลิตภัณฑ์จาก RYO ทั้ง haircare, styling ค่ะ
เราเองก็เพิ่งรู้จักยี่ห้อนี้สดๆร้อนๆจากไอเท็มที่ Ceci เตรียมไว้ให้ที่โรงแรม
เราได้ลองใช้แชมพูและแฮร์มาส์ก สรุปว่าเรารักเลย ชอบแฮร์มาส์กมากๆค่ะ
มันทำให้ผมนุ่ม ลื่น พริ้วไม่พันกัน และพองตัวสวยค่ะ แต่ข้อเสียที่ตกใจมากๆคือ
มันรูดเอาประกายสีผมออกไปเยอะมาก ผมเราทำประกายชมพูมา หายเกือบหมดเลยค่ะ
และก็มีส่วนผสมของซิลิโคนน่าจะเยอะระดับหนึ่ง ใครแพ้ง่ายก็ต้องลองสังเกตดีๆนะคะ
ส่วนเราใช้มาหลายครั้งแล้ว โอเคเลยค่ะ ชอบที่ไม่ทำให้ผมทิ้งตัวเกินไป ดูมีสปริง พองๆดีค่ะ
ก่อนอื่นก็ไปตรวจสภาพหนังศีรษะกันก่อนด้วยเครื่องมือ และผู้เชี่ยวชาญมาเป็นคนวิเคราะห์ให้ค่ะ
ผลคือ สภาพหนังศีรษะเราแข็งแรงดี ไม่ค่อยมีปัญหาอะไรแม้ว่าทำสีมาตลอด
แต่บางส่วนเช่นกึ่งกลางศีรษะจะมีความแห้งเป็นจุดๆ จึงละเลยการดูแลไม่ได้เช่นกันค่ะ
จากนั้นก็เข้าสู่ขั้นตอนของ Head Spa คือจะมีการทำความสะอาดหนังศีรษะด้วยน้ำยา
และนวดกระตุ้นการไหลเวียน ที่นี่นวดทั้งศีรษะไล่มาถึงที่บ่าและหน้าอกค่ะ
จากนั้นก็จัดแต่งทรงผม ของเราออเดอร์ไปว่าขอทรงที่พริ้วๆ ผมลอนบางๆ เด้งๆ
ก็ได้ออกมาเป็นทรงนี้ค่ะ ลอนสวยเด้งดี ผมเงาด้วย
จากนั้นก็ไปเดินช้อปปิ้งกันที่กาโรสุกิลค่ะ วันนี้เป็นวันเสาร์คนก็เลยเยอะมาก ไม่ได้ถ่ายรุปเลยล่ะ
ย่านนี้เราชอบไปที่ FOREVER21 แต่ตอนนี้เค้ารีโนเวทบางชั้น และคอเลคชั่นใหม่ไม่ค่อยโดนเท่าไหร่
เลยไม่ได้อะไรกลับมาค่ะ จากนั้นเราก็นั่งรถไปสนามบินกัน
เมื่อคืนก็กังวลกันเรื่องน้ำหนักเพราะสปอนเซอร์ทริปนี้จัดเต็มกันมากๆ ให้ไม่อั้น แต่ละชิ้นหนักๆทั้งนั้น
และการบินกับ Korean Air แต่ละคนได้น้ำหนักที่ 23 Kg ค่ะ ห้ามเกิน จะเกินได้ต่อเมื่อแชร์ทัวร์
ของเราชั่งแล้วได้ที่ 25.7 kg เลยต้องรื้อทิ้งบ้าง หอบถุงเอาบ้าง จนสุดได้ชั่งได้ที่ 23.0 พอดี
ลุ้นน้ำหนักกันแทบแย่ แถมกฏใหม่ ห้ามซื้อสเปรย์กลับบ้านอีกต่างหาก (ตอนแรกได้ 2 ขวด
ต่อมาได้แค่ขวดเดียว ส่วนตอนนี้ห้ามนำใส่กระเป๋าเดินทางเลยค่ะ)
ไฟลท์บินวันนี้ออกตอนสามทุ่ม ถึงที่ไทยตีหนึ่งครึ่ง เป็นเวลาที่โหดเอาเรื่องเหมือนกัน
สายการบินนี้ตรงเวลาสุดๆ ออกเป๊ะ แลนด์เป๊ะมาก ที่นั่งกว้างดี ถ้าไม่ติดเรื่องซีเรียสน้ำหนักสุดๆ
เราก็คงหันมาบินด้วยบ่อยๆแน่ๆ หลังจากกลับมาถึงกทม.แล้ว ก็ยังคิดถึงอากาศเย็นๆที่นู่นไม่หาย
ครั้งนี้ถือเป็นประสบการณ์ดีๆ ที่หาไม่ได้ง่ายๆ ทั้งการเข้าไปเยี่ยมชมโรงงาน ได้เข้าคลาสทำลิปสติก
เราประทับใจกิจกรรมนี้มากๆ สนุกมากเลย แถมได้เมคโอเวอร์แบบดาราเกาหลีอีก
เป็นทริปที่สนุกมากๆ ต้องขอขอบคุณ Ceci Korea และ Ceci Thailand ที่ได้ให้โอกาส
เป็นหนึ่งในตัวแทนทีมไทยไปร่วมกิจกรรมสนุกๆแบบนี้นะคะ
.
.
ส่วนของต่างๆที่ได้มา และที่ซื้อมาจากเกาหลี จะทำเป็น HAUL VDO เร็วๆนี้
มันเด็ดมาก มันเยอะมาก ใครอยากรู้ว่าไปเกาหลีซื้ออะไรดี อย่าพลาดนะคะ
Categories: Dining & Traveling
อ่านเพลินเลย สนุกไปด้วยเลยค่ะ คุณแป้งน่ารักมาก > < b อยากให้ทำฮาวทูแต่งตามลุค Jenny House จังค่ะ ^^
เป็นทริปที่น่าสนุกและน่าอิจฉามากๆเลยน้องแป้ง คือได้สัมผัสกับแบรนด์ดังๆ ได้รู้ข้อมูลน่าสนใจทั้งนั้นเลย
เวลาดูรายการ Get it Beauty ทีไร ถ้า Mr.Kim มาแกชอบแต่งตาตัวเองตลอดๆ ตลกดี เทคนิคดีๆเยอะด้วย
ลุคที่น้องแป้งแต่งกับร้าน Jenny House ก็สวยมาก ชอบอ่า
สรุปคือบล็อกเกอร์สาวไทยเราดูสวยโดดเด่น มืออาชีพมากๆ เห็นแล้วปลื้มปริ่มแทน ^^
อ๊าก อ่านบลอกเพลิน ลุคสาวเกาหลีน่ารักสุด ๆ ค่ะ ^^
เป็นทริปที่ดีมากๆ เลย ทริปเครื่องสำอางอย่างแท้จริง น้องแป้งทำผมแบบนี้ดูน่ารักมากๆ จริงๆ ที่นี่เค้าแต่งหน้าสวยเนอะ แต่เห็นราคาแต่งหน้าเจ้าสาวแล้วเป็นลม ฮ่าๆๆ