Diamond Route: Tokyo – Tochigi – Fukushima – Ibaraki 4 วัน 4 จังหวัด

เพื่อนๆที่เดินทางไปโตเกียวบ่อยๆ เริ่มหาที่เที่ยวใหม่ๆกันหรือยังคะ?

DIAMOND ROUTE เป็นอีกเส้นทางที่ทางการญี่ปุ่นกำลังโปรโมทอยู่

เพราะเป็นเส้นทางที่เดินทางท่องเที่ยวได้ไม่ยากจากโตเกียวด้วยรถไฟ

บล๊อกนี้จะพาไปเที่ยวตามเส้นทางหลัก 4 วัน 4 จังหวัด โดยเริ่มเดินทางจาก Tokyo ค่ะ

จุดหมายแรกของเราคือ NIKKO

NIKKO เป็นเมืองเล็กๆในจังหวัด Tochigi  ที่นักท่องเที่ยวนิยมไปชมวิวธรรมชาติ

เราไปมาหลายรอบแล้วล่ะ ซึ่งช่วงที่ไปมาล่าสุด เป็นช่วงปลายพ.ย. อีกหนึ่งช่วงพีคของใบไม้เปลี่ยนสี

 

จาก Asakusa เดินทางด้วย Limited Express Train ไปลงที่สถานี Shimo-Imaichi

พอลงปุ๊ป ก็เปลี่ยนเป็นสาย Local ฝั่งตรงข้ามกัน ไปลงที่สถานี Tobu Nikko

ใช้เวลารวม 1 ชม. 50 นาที (2,700 เยน)

เราเคยทำเป็นคลิปให้ดูตั้งแต่ขั้นตอนแรกเรียบร้อย ชมได้ที่คลิปนี้เลยค่ะ

 

 

พอเรามาถึงที่สถานี TOBU NIKKO แนะนำให้ส่งกระเป๋าที่แมวดำ (Kuroneko Yamato)

ด้วยบริการนี้จะส่งกระเป๋าเราไปยังรร.ที่พักภายในวันเดียวกันเลยค่ะ สะดวกมากๆ

หรือจะแค่ฝากกระเป๋าก็ได้เช่นกัน

เวลาซื้อตั๋วหรือพาส จะมีทั้งแบบหน้าเคาท์เตอร์ (ซึ่งคิวเยอะ) แบบตู้อัตโนมัติก็มีบริการนะคะ

และก็มีกิโมโนให้เช่าด้วย ชุดนี้สีสันน่ารักมาก อยากซื้อกลับบ้านเลย

ค่าเช่า 1 วัน 3,800 เยนเท่านั้นเอง

ช่วงนี้เป็นช่วงพีคของ NIKKO เพราะใบไม้เปลี่ยนสี

รถติดยาวมากๆ ใครจะเที่ยวช่วงนี้ก็ต้องเผื่อเวลาซักหน่อย หรือยอมเดินนะคะ ไม่แนะนำให้เช่ารถ

เพราะที่จอดเต็มตลอด เดินเอาหรือใช้บัส สะดวกสุดค่ะ

วันนี้ก็แวะที่ศาลเจ้า Nikko Toshogu เดินเล่นชมความงามของศาลเจ้าด้านใน

จากนั้นก็มาทานของดังของเมือง Nikko กัน นั่นก็คือ Yuba (ฟองเต้าหู้)

ร้านที่มาวันนี้ก็ติด Top Ranking ในเมืองนี้ เพราะขายแค่ Yuba เป็นหลักค่ะ

มาเป็นเมนูแบบ Kaiseki ค่อยๆเสริฟทีละจาน อยากบอกว่า Yuba Sashimi อร่อยมากๆ พลาดไม่ได้

มีไก่ทอดเป็นจานเสริม อร่อยดีค่ะ

 

มาต่อที่ Edo wonderland (江戸ワンダーランド)

ที่นี่จะมี Shuttle รับส่ง หรือจะนั่ง Taxi ไปเลยก็ได้ค่ะ แนะนำให้นั่งจากสถานี

Kinugawa Onsen จะใกล้มากกว่า

หรือบัส ก็สามารถดูตารางเวลาได้ที่นี่ http://edowonderland.net/en/access/access.html#bus

 

ค่าเข้าคนละ 4,700 เยน เด็ก 2,400 เยน

ครั้งก่อนที่มานิกโก้แล้วเวลาไม่พอเลยไม่ได้แวะ รอบนี้ดีใจมาก ได้แวะเต็มๆ

Theme Park กลาง NIKKO ที่จำลองยุคสมัยเอโดะแบบจัดเต็ม มีทั้งโออิรัน นินจา ชาวบ้าน เจ้าเมือง

ทุกคนเล่นสมบทบาทเสมือนว่าเราหลุด Time machine เข้าไปในยุคนั้นจริงๆ

กิจกรรมอัดแน่น ถ่ายรูปเพลินมาก

แนะนำมาถึงปุ๊ป เช่า Theme Costume เลยนะ คุ้มมากๆ ถ่ายแล้วเข้าบรรยากาศกว่า

วันนี้รีบๆไม่ได้เช่าชุด รู้สึกหลุดธีมยังไงบอกไม่ถูก

ที่นี่จะแบ่งออกเป็นบ้านๆ ซึ่งแต่ละบ้านจะมีกิจกรรมที่แตกต่างกัน ทั้งเครื่องดนตรีโบราณ

เครื่องสำอางโบราณ เราสามารถเข้าไปทำกิจกรรมได้ฟรีค่ะ เว้นบ้านที่มีอาหาร ต้องซื้อนะคะ ^ ^

 

มันคือลิปโบราณสมัยเอโดะ!! อยากให้รู้จักกันนะ เก๋จริงๆ 

เพิ่งเคยเห็น เพิ่งเคยใช้ก็วันนี้แหละ

เรานี่เข้าบ้านถูกเลย!! เดินเข้าไปปุ๊ป เป็นบ้านเสริมสวยจ้า 

ภายในบ้านมีอุปกรณ์โบราณที่เค้าใช้กันในสมัยเอโดะวางให้ชมและใช้ได้

ตัวกระจกเป็นเหล็กตีขึ้นเงา หนักมากทีเดียวล่ะ แต่ไฮไลท์เค้าคือลิปโบราณที่ทำมาจากดอก Benihana

เค้าจะสกัดมาแล้วใส่ในถ้วยมีฝาปิด ซึ่งพอมันแห้งจะกลายเป็นสีเขียวประกายทองตามในรูป

เวลาใช้… จะใช้พู่กันจุ่มน้ำ แล้วนำมาแตะที่สี จากเขียวจะเปลี่ยนเป็นสีแดงน่ารักมาก

ได้โทนธรรมชาติเหมือนการทา tint ซึ่งนี่ทำจากธรรมชาติ 100% เลยนะ

สีติดทนดีด้วย อีกเคล็ดลับความงามของสาวญี่ปุ่นสมัยโบราณเค้าล่ะ

นอกจากนี้ก็มีโชว์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโชว์นินจา โชว์การแสดงการเล่นน้ำ เป็นต้น

เข้าชมได้ฟรีทุกโชว์ค่ะ

เราชอบที่นี่เพราะนักแสดงตามท้องถนนทุกคนอินเนอร์มาเต็มมากๆ เดินๆอยู่ก็มีซามูไร โรนินไล่ฟันกันบ้าง

มาเล่นกับเราบ้าง ถ้าไม่แอคติ้งกลับตอนโดนฟัน เค้าก็จะฟันอยู่นั่นแหละ ต้องเล่นกับเค้านะ 55

อีกหนึ่งไฮไลท์ของโชว์ที่นี่คือ Oiran Show ค่ะ สวยมากก

หลังจากเดินเล่นกันเสร็จ ก็เข้าพักที่รร. Kinugawa Onsen ค่ะ

มื้อเย็นเป็นแบบบุฟเฟ่ต์ อาหารโอเคเลย ที่นี่เป็นรร.ใหญ่ ทัวร์เยอะ นักท่องเที่ยวเยอะ

แต่ห้องกว้างมาก นอนคนเดียว เหงา 555

วิวจากที่ห้องค่ะ

เช็คเอ้าท์เรียบร้อยแต่เช้าตรู่ ก็ออกเดินทางกันต่อ จุดหมายต่อไปคือที่ จ. Fukushima

จากสถานี Kinugawa Onsen นั่งรถไฟด่วนไปลงที่ Aizu-Tajima

แล้วก็เปลี่ยนรถไฟไปลงที่ Yu no kami Onsen

ใช้เวลารวม 1.50 ชม. 3,650 เยน

ที่สถานีนี้มีความ Local สูงมาก เป็นสถานีที่มุงหลังคาแบบคายาบุกิ (หญ้าฟาง)

ด้านในมีเตาอุ่น มีชาให้ดื่มฟรี และมีออนเซ็นเท้าให้แช่ฟรีๆด้วยนะ

 

จากสถานีนี้ เรานั่ง Taxi ไปยัง Ōuchi-juku (大内宿) โออุจิ จุกุ อยู่ที่จ. Fukushima

หมู่บ้านที่คงความเป็นเอโดะแท้ๆ และได้ขึ้นทะเบียนเป็นเขตอนุรักษ์สิ่งปลูกสร้างของญี่ปุ่นแล้วด้วย

บ้านชาวนานี้ถูกสร้างมาเมื่อหลายร้อยปีก่อน เก่าแก่ สองข้างทางเป็นร้านค้าและร้านอาหาร

 

มาที่นี่ต้องทาน Negi Soba (โซบะหอมยักษ์)

วิธีการทานคือใช้ก้านหอมแทนตะเกียบนะคะ ท้าดวลสกิลกับเพื่อนได้เลย 555

เรามาที่ร้าน Mizawaya อยู่ในหมู่บ้าน เป็นร้านที่ป๊อปมากๆ คิวยาวค่ะ

ปลาอายู ทานแล้วผิวสวย ย่างร้อนๆ อร่อยมาก

จากนั้นเราก็นั่งรถไฟไปเมือง Aizu Wakamatsu กันค่ะ ซึ่งรถไฟที่ขึ้นรอบนี้

โชคดีมากๆ เพราะเป็นรถไฟชมวิว ในแต่ละวันมีรอบไม่มาก

ถ้าจากสถานี Yuno kami Onsen นี้ไปยัง Aizu Wakamatsu จะมี 2 รอบต่อวัน (12:32  และ 14:35)

 ดูตารางได้ที่เว็บนี้ http://www.aizutetsudo.jp

ขบวนนี้เรียกว่า “Ozatorotenbou Ressha”  お座トロ展望列車

ในขบวนมีให้เลือก 3 แบบนะ ต้นขบวนเป็นที่นั่งยกสูงชมวิวเน้นๆ

ตอนกลางเป็นแบบญี่ปุ่น เราว่าถ่ายรูปออกมาน่ารักสุด *แนะนำ

ตอนท้ายขบวนเป็นที่นั่งแบบโรงหนัง ที่เวลาผ่านอุโมงค์จะมีหนังฉายที่กำแพงอุโมงค์

นั่งราวๆ 1 ชม. เพลินมากเวอร์! แถมวิวสวยขาดใจ 🍁🍁

ใครมา Fukushima แนะนำลองนั่งซักครั้ง

จะผ่านสถานีที่มีน้อง Rabu (Love) น้องแมวนายสถานี Ashinomaki Onsen มาต้อนรับด้วยนะ

(เราไปน้องหลับอยู่ในสถานี อดถ่าย 55)

 

พอมาถึงเมือง Aizu Wakamatsu ก็จะรู้สึกถึงบรรยากาศ Retro แบบตะวันตก

เมืองนี้น่ารักมากๆเลยล่ะ เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยคาเฟ่

มีร้านกิโมโนให้เช่าด้วย วันนี้แวะมาที่ร้าน Kakureya Aya

 

 

สายคาเฟ่ชอบเมืองนี้แน่ๆ Aizukawamatsu จ. Fukushima

ร้านกาแฟ Retro มีให้เลือกเยอะมาก มีหลายธีม

วันนี้ Tea time มากันที่ร้านกาแฟบรรยากาศ Retro อบอุ่น

ชื่อร้าน “会津壱番館 Aizu Ichibankan” 

พิกัด: 
นั่งรถbus Haikara San (busสีเขียว) ลงbus stop หน้า Noguchi Hideyo Seisyun Kan

 

เมนูแนะนำ:

พุดดิ้งสาเก หอมหวานนุ่ม ผสมสาเกนิดๆ

ชีสเค้ก อร่อยมาก ไม่เลี่ยน

ชีสโทสท์ ขนมปังอบกรอบกำลังดี หน้าชีสเยิ้มๆจัดเต็ม

เมนูชา จะมีนาฬิกาทรายจับเวลา พอถึงเวลาค่อยเทดื่ม น่ารักดี

น้ำแอปเปิ้ล และมะเขือเทศ ของขึ้นชื่อของจังหวัด

 กาแฟโบราณ ใช้น้ำผึ้งแท้ 100% แทนน้ำตาล

บรรยากาศร้านดีงามมาก เครื่องคิดเงินมีความเก๋แบบหาได้ยาก

ของแต่งร้านคือดูคลาสสิค อบอุ่น ใครชอบร้านน่ารักๆ ขนมอร่อย แนะนำจ้า

 

 

 

เมืองนี้บรรยากาศน่ารักมากๆ  เดินกันสนุกเลยล่ะ มุมถ่ายรูปเยอะด้วย

เพิ่งเคยมาครั้งแรกก็ติดใจแล้ว เมืองน่ารักมาก

ของฝากลายผ้าพื้นเมืองของที่นี่ก็มีของสวยๆน่าซื้อ

ชิ้นนี้เป็นที่ใส่มือถือ น่ารักมากๆเลย

 

เดินเล่นจนมืดหมดวัน ในวันรุ่งขึ้นออกแต่เช้าตรู่อีกแล้ว เป็นวันแห่งการนั่งรถไฟและบัส เพราะ

เราจะข้ามไปอีกจังหวัด ที่จ. Ibaraki

เริ่มจากการนั่ง Express Bus จาก Aizu- Wakamatsu ไปลงที่สถานี Iwaki ใช้เวลาราวๆ 3 ชม.เลย

จากนั้นก็นั่งรถไฟต่อ เพื่อข้ามไปยัง จ.Ibaraki แล้วก็แวะลงที่สถานี Takahagi

รวมๆใช้เวลาเดินทางราวๆ 5 ชม. +o+

ที่นี่จะมีสวนดัง  Hananuki Keikoku (Hananuki Gorge) เป็นหุบเขาใบไม้แดง

ช่วงที่เราไป มันแดงอยู่ไม่กี่ต้น มาเร็วไปนิดนึง แต่ก็สวยดีค่ะ

 

เดินขึ้นเขากันจนเหนื่อย ได้สัมผัสธรรมชาติตลอดสองข้างทาง

ช่วงเย็นเราก็กลับมาพักผ่อนกันที่สถานี Mito เป็นสถานีที่ล้อมไปด้วยห้าง

ช้อปปิ้งกันสนุกสนานเลยล่ะวันนี้

 

และในวันสุดท้าย เราก็ออกเดินทางแต่เช้า เพื่อไปที่ Ibaraki Prefectural Museum of History

 ไปช่วงเช้าคนน้อยมาก ถ่ายง่าย ต้นแปะก๊วยสองข้างทางเปลี่ยนสีพีคแล้ว

ที่ 茨城県立歴史館 หรือ Ibaraki Prefectural Museum of History (ถ่ายเมื่อ 10/Nov/2017)

 

ถ่ายง่ายๆไม่ต้องคอยหลบคน วิวภายในมีทั้งแนวต้นแปะก๊วย และวิวสวน ฝั่งทางโรงเรียนเก่าก็สวย

เต็มไปด้วยใบไม้สีแดง

 การเดินทาง : Mito Station Kitaguchi > นั่ง Ibaraki Kotsu ตรงจุดขึ้นรถบัสหมายเลข 4

ลงที่ป้าย Rekishikan Iriguchi > เดินประมาณ 3 นาที

 

จากนั้นก็เดินทางไป Kairakuen ด้วยรถบัส

ที่นี่จะมีสวนญี่ปุ่นและบ้านญี่ปุ่นที่สวยงาม แถมยังติดอันดับสวนที่สวยที่สุด TOP 3 ในญี่ปุ่นด้วยนะ

สวนที่นี่จะโด่งดังมากช่วงเทศกาลดอกบ๊วย หรือ Mito Ume Matsuri จะจัดช่วงปลายกุมภา ถึงเดือนมีนาคม

 

เดินเข้ามาในสวนก็จะมีบ้านญี่ปุ่น สไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิม  “โคบุนเต Kobuntei”

ตั้งอยู่ใกล้กับทะเลสาบเซนบะ (Senba Lake)

ซึ่งจะได้เห็นวิวจากมุมบนที่เห็นทั้งสวนเลย สวยมากๆ

ค่าเข้าชมที่ Kobuntei อยู่ที่คนละ 200 เยน

 

หลังจากเดินเที่ยวในสวนเราก็รีบนั่งรถบัส ไปสนามบิน ซึ่งสามารถขึ้นได้ที่หน้าสถานี Mito  ได้เลย

นั่งยาวๆไปลงที่ สนามบิน Narita ได้เลยค่ะ (ใช้เวลาราวๆ 2 ชม.)

 

จริงๆแล้วแต่ละจังหวัด แต่ละเมืองมีที่ให้เที่ยวเยอะมาก

ทริปครั้งนี้ทางการท่องเที่ยวญี่ปุ่นพามา เลยเป็นทริปสั้นๆ แนะนำเส้นทางเป็นหลักค่ะ

รอบหน้าถ้าเรามาเองก็คงอยู่ยาวๆตามสไตล์ ไปเองทีไร อยู่ไม่ต่ำกว่า 10 วัน

สำหรับเพื่อนๆที่จะมาตามเส้นทางนี้ แนะนำให้เพิ่มวันค่ะ ควรอยู่จังหวัดนึงซัก 2 คืน

จะได้ได้เที่ยวรอบๆ และไปได้หลายๆที่ สำหรับบล๊อกหน้า จะพาไปเที่ยวที่ไหนกันต่อ อย่าลืมติดตามกันนะคะ

 

อ่านบล๊อกอื่นๆเกี่ยวกับเที่ยวญี่ปุ่นได้ที่นี่

https://kirarista.com/tag/japan-trip/

 

 

 

 

 

 

 

Leave a Reply