สวัสดีึค่า กลับมาแล้ววว
เมื่ออาทิตย์ก่อนไปเดินเล่นชิลๆที่โตเกียวมา 1 week พอดิบพอดีเลย
ทริปนี้ไม่เน้นเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวเท่าไหร่ เพราะเราเจาะจงไปแค่โตเกียว
ไปหาเพื่อนๆญี่ปุ่นที่เคยเรียนด้วยกันสมัยมหาลัย และก็ไปหาเพื่อนสนิทคนไทย
ที่ทำงานที่โน่น รวมถึงไปเดินเล่นเปลี่ยนบรรยากาศ หนีร้อน (ไปเจอฝน 555+)
หลายคนก็ถามนะว่า ไปญี่ปุ่นอีกแล้วเหรอ ไปบ่อยจัง ไม่เบื่อเหรอ
เราไม่เบื่อแฮะ แต่จะให้ไปทำงานที่โน่น ขอคิดดูก่อนนะ…
ชอบบรรยากาศ ชอบอาหาร ชอบแฟชั่น ชอบคสอ ของญี่ปุ่นมากๆ
เลยชอบที่จะไปเดินเล่นที่โตเกียวที่สุด
ต่างจังหวัดก็ชอบนะ อย่างฮอกไกโด ถ้ามีโอกาสก็จะไปอีก
เกียวโต โอซาก้า โอกินาว่า ก็ชอบค่ะ
พูดมากแระ…ขอบันทึกความทรงจำเล็กๆเกี่ยวกับทริปครั้งนี้
ก่อนที่จะลืมความรู้สึกเหล่านั้นไปนะคะ
คืนวันที่ 3 พค 2009 แฟนเรามารับที่บ้านเพื่อไปส่งที่สนามบิน
เราไป TG642 เครื่องออกเวลา 23:50 ไปถึงสนามบินที่นาริตะประมาณ 08:10
ของวันที่ 4 พค
ก่อนขึ้นเครื่องที่ไทย ก็แวะไปดูพวก duty free ที่สนามบินซักหน่อย
เช็คราคาดูแล้ว แพงใช้ได้ เหอๆ เลยไม่ได้คว้าอะไรกลับมาจาก duty free ที่ไทยเลย
ช่วงนี้ไข้หวัดหมูกำลังระบาด เลยเกิดแฟชั่นมาร์สหน้ากัน แรกๆก็อึดอัด
แต่เพื่อความปลอดภัยก็ใส่ซักหน่อยแระกัน
พอนั่งเครื่องปุ๊บก็หลับทันทีเลย ต้องนอนเอาแรงไว้ก่อน เพราะไปถึงโน่นจะได้มีแรงแบกกระเป๋า
ขาไปเราแบกพวกเครื่องกระป๋อง พวกแกงทั้งหลายไปฝากเพื่อนๆ หนักพวกของกินซะมากกว่า
ของฝากที่ซื้อไปให้อีกก็เป็นพวกกระเป๋านารายา ที่โน่นก็มีขายนะ แต่ก็แพงกว่าไทยแน่นอน
แบกไป 6-7 ใบ น้ำหนักรวมของกระเป๋าขาไปอยู่ที่ 13 KG.
(ขากลับเนี่ย ของกิน ของฝากโล่งกระเป๋า แต่ไหงเพิ่มมาถึง 19.5 กก.แน่ะ)
พอไปถึงที่ Narita เราก็ต่อรถไฟแบบประหยัด เสียแค่ 1000 เยน ไปถึง Nippori เลย
เสร็จแล้วก็เปลีี่ยนขบวนไปนั่ง JR yamanote line ไป Shinjuku เสียเพิ่มอีก 190 yen
จากสนามบินไปชินจูกุ นั่งชิลๆไม่รีบร้อนก็ใช้เวลา 1 ชม 40 นาที
แต่ถ้าหากไม่อยากนั่งนานๆ อยากไปแบบเร็วๆเป็นรถไฟที่ไฮโซกว่าก็นั่ง Skyliner ไปก็ได้
ใช้เส้นทางเดียวกันแต่จอดน้อยกว่า เสียค่าใช้จ่ายประมาณ 2200 เยน ใช้เวลาประมาณ 1 ชม.
20 นา่ทีไปชินจูกุ
พอถึงย่าน Shinjuku เราก็แพลนไว้ว่าจะฝากกระเป๋าไว้ที่ Locker
แล้วเดินเล่นต่อแถวนั้น แต่เดินหาลอคเกอร์เท่าไหร่ก็ไม่เจออันว่าง
ล็อคเกอร์อันใหญ่ใส่กระเป๋าเดินทางเราได้เนี่ยเสีย 800 yen ต่อวัน
มันมีไม่เยอะมากค่ะ
ส่วนมากที่ว่างๆจะเป็นล๊อคเกอร์อันเล็กซะส่วนใหญ่
เดินวนอยู่นานหาล๊อคเกอร์ไม่ได้ซักทีเลยเปลี่ยนแผน ไปหาไรกินแถวบ้านเพื่อนดีกว่า
เพื่อนที่เราจะไปพักด้วยพักอยู่ย่าน Hachioji ย่านเดิมแถวมหาลัยที่เราเคยเรียนนั่นแหละ
ห่างจากกลางเมืองพอควรเลย เกือบหลุดโตเกียวเเล้ววว
ด้วยความที่แลกตังค์มาน้อย รอบนี้เราแลกเงินสดมา 20000 บาทเอง
ได้เงินเยนมา 54000 เยน โดยประมาณ แล้วก็มีเงินติดตัวอีกหน่อย
อีก 15000 เยน ที่แลกน้อยเพราะเห็นเรทที่พุ่งๆถึง 37.7 แล้วเสียดายเงิน
มากๆ เลยแลกไว้ส่วนนึงก่อน
พวกของที่ช๊อปๆเนี่ยก็รูดการ์ดเอา เพราะคาดไว้ว่าเรทมันคงลงอยู่แล้ว
ถึงเสียค่าความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนของการ์ดไปอีก 2.5% ก็ยังคุ้มกว่า
ได้ Point ได้ credit
เล่าต่อๆ..หลังจากลงจากรถไฟสาย Yamanote ก็เปลี่ยนค่ายไปนั่ง Keio ต่อ
เส้นนี้จะประหยัดกว่านั่ง JR นิดนึง จาก Shinjuku ไป Hachioji ถ้านั่ง JR จะเสีย 460
แต่ Keio เสียแค่ 350 เลยเลือกเคโอ
สาย Keio ต้องออกจาก JR shinjuku west gate เพื่อไปขึ้นรถไฟ
โอยยย…ด้วยความที่ไม่ชอบมาย่านชินจูกุ ก็เลยลืมๆทางไปบ้าง
หาลิฟท์ไม่เจอ ต้องแบกกระเป๋าลงบันได ทุลักทุเลมาก ดีที่ใส่บู้ทไร้ส้นไป
หลังจากใช้พลังงานไปเยอะก็นั่งหลับในรถไฟอีกเกือบๆ 40 นาที
ไปถึงก็เดินเข้าห้าง K-8 ทันที หาไรหม่ำก่อน
อยากกิน Tonkatsu เลยไปแวะที่ร้่าน Inaba อยู่ชั้นบนของห้างนี้ ซ้อสเค้าทำเอง เป็นสูตรของร้านเค้า อร่อยดี ข้าว ซุป ผัก เติมได้ไม่อั้น
มื้อนั้นก็ซัดข้าวไป 2 ถ้วย ซุป 2 ถ้วย
กับคัทซึอีก 1 จาน หลังจากทานเสร็จทางร้านจะเสริฟชาอูลง
เพื่อขจัดคราบไขมันที่เกาะตามทางเดินอาหาร (เค้าว่างั้นอ่ะนะ)
นัดเจอกับเพื่อนเสร็จแล้วก็ไปหาซื้อการ์ด Brastel ที่เอาไว้โทรกลับมารายงานตัวกะป๊ะป๋า (อาเฮียอ่าแหละ)
เสียไป 2000 เยน โทรได้ 84 นาที
หลังจากนั้นก็นั่งรถเมลมาลงหน้าประตูด้านข้างของมหาลัย เป็นประตูเปิดใหม่ สมัยเรียนยังไม่เคยได้ใช้เลย
เดินลงเขาจากป้ายรถเมล์หน้ามหาลัยไปประมาณ 3-5 นาทีก็ถึงบ้านเพื่อนแระ ใกล้มากๆ
พอไปถึงบ้านก็นั่งเม้าท์ๆๆๆๆๆ กินๆๆๆๆๆ กันอย่างสนุกสนานจนเย็น รู้ตัวอีกทีก็เกือบ 5 โมงเย็น
วันนี้เลยไม่ได้ไปไหนเลย ฮ่าๆ ตอนเย็นๆ โนโซมิก็ให้เราสอนแต่งหน้าอีก
สอนอ่ะไม่เท่าไหร่ แต่เวลาอธิบายเป็นภาษาญี่ปุ่นเนี่ย เล่นเอาอึ้งๆไปเลย ยากแฮะ
หลังจากจบวันนี้ก็หลับอย่างสบาย อากาศเย็นๆไม่ต้องพึ่งแอร์เลย
ตอนกลางคืนวัดได้ 12 องศา ห่มผ้าอุ่นๆ หลับปุ๋ยย
ตื่นเช้ามาวันที่ 5 พค อากาศขมุกขมัวแต่เช้า
อะไรฟระ..วันนี้ตั้งใจไปช๊อปซักกะหน่อย ฟ้าฝนขัดใจจริงๆ
แต่ก็ไม่วายไปตามแพลน
ซ้าย..เป็นตารางรถเมล์ของที่นี่ค่ะ เค้าวัดกันเป็นนาที แน่ล่ะมาไม่ตรงเป๊ะหรอกแต่คลาดเคลื่อน
แค่ไม่ถึง 3-5 นาที ถ้าเป็นเมืองไทยอ่ะเหรอ หุหุ ไม่อยากจะคิดเลย
เป้าหมายวันนี้ล๊อคไว้ที่ 109 ค่ะ ตึกแฟชั่นแกลที่ดังที่สุดในโตเกียว
ไปถึงก็เกือบ 11 โมงฝนเริ่มปรอยๆ เลยหลบฝนเข้าตึก ช๊อปไปนิดหน่อย
ได้พวกรองเท้า เสื้อผ้า เครื่องสำอางค์ หมดไปกี่หมื่นเยนหว่า ไม่กล้้านับ
รองเท้านี่ปลื้มสุดๆ น่ารักกก เหลือคู่สุดท้ายด้วยสีนี้ เลยเอาตัวโชว์มาเลย
คู่นี้ 5000 เยนค่ะ
ในห้างเนี่ย ตามมารยาทของคนญี่ปุ่นเค้าห้ามถ่ายรูปค่ะ เราเลยไม่ค่อยได้เก็บรูปมาเท่าไหร่
วันที่ไปเนี่ย cocolulu มันลดกระหน่ำกรี๊ดดด อยากเข้าร้านมากๆ คนเยอะจนพนง.เค้าออกมา
กั้นไม่ให้เข้า มองเข้าไปเนี่ยเดนิมเหลือตัวนึง 2000 เยนเองมั้ง
โหย…ตอนซื้อมาตั้ง 6000 กว่าเยน พวกเสื้อเหลือ 1000 เยนก็มี
ราคาเต็มก็ 3990 อ่ะนะ ซื้อจนจำได้แล้วเนี่ย
รอไม่ไหว ไม่รอแล้ว… ไป Harajuku ต่อดีกว่า
ตอนออกมาก็แวะ mark city ซักหน่อย เข้าไปเดินแว้บๆก็ออก มีแต่ของแพงแฺฮะ
เสื้อผ้าตัวนึงต่ำๆก็ 6-7 พันเยนอัพ แถมดุคุณหนูผู้ดี
ต่างจากเสื้อผ้าแรงๆของ109
ข้ามมาที่ย่านฮารา ไอ้เราก็นึกว่าจะเดินชิลๆซักหน่อย ฝนมันยังคงตกอยู่
เซ็งเลย ของที่ซื้อมาก็หลายถุงอยู่ แถมต้องถือร่มอีก
แต่..ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ของที่ซื้อมา คนที่มาฮาราวันนี้มันเยอะผิดปกติ
เยอะมากๆๆๆ เยอะจนเดินเข้าไปไม่ได้เลย สุดท้ายเลยล้มเลิกความตั้งใจ
ไม่เข้าแระ เเว้บไปร้าน Lotteria หม่ำของว่างรอฝนหยุด
หม่ำไป 15 นาที ฝนก็ไม่หยุด เลยไม่รอ กลับบ้านดีกว่า…
พอออกจากร้่านปุ๊บก็เดินต่อไม่ได้ คนมันยังคงมาไม่หยุดหย่อน ย้อนคิดอีกที อ๋อ…
วันนี้มัน Golden week วันสุดท้ายนิหว่า มิน่า คนตรึม
วันนี้แทบไม่ได้อะไรจากฮารากลับมาเลย
เลยตั้งใจว่าพรุ่งนี้จะมาลุยใหม่..
วันรุ่งขึ้น (6 พค )เลยมาลุยฮาราแต่เช้าค่ะ คนว่างงงงงมากกก ตกใจ
ว่างไปป่าวเนี่ย เดินสบายสุดๆ
ช๊อปเพียบบบ กินเครปอย่างอร่อย วันนี้ซื้อของเพลินจนไม่ได้ถ่ายรูปเลย
เดี๋ยวบลอคหน้าจะมาต่อนะคะ…ไปเที่ยวย่านไฮไซ + Art สุดๆ
Roppongi Hills and Tokyo Midtown
Categories: Dining & Traveling