ไดอารี่ครั้งนี้ขอเขียนบันทึกเก็บไว้อ่านซักหน่อย
เพราะว่าเป็นงานรูปแบบใหม่ และประสบการณ์ใหม่ที่น่าตื่นเต้นมากๆ
กับการไปทำรายการร่วมกับ Fuji TV ค่ายทีวีญี่ปุ่นชื่อดัง ถ่ายทำกันที่สตูดิโอที่โตเกียว
ก่อนที่จะได้รับเลือกให้มาเป็นสมาชิกในรายการ ก็ผ่านการออดิชั่นด้วยนะ
เริ่มแรกเดิมทีเราต้องขอขอบคุณน้องบีม ที่แนะนำพี่ให้กับทาง Fuji TV นะคะ
ตอนออดิชั่น ทาง Producer ชาวญี่ปุ่นจากทาง Fuji TV บินมาพูดคุยด้วยตัวเองค่ะ
รอบแรกก็ให้แนะนำตัว งานที่เคยทำ และงานที่ทำอยู่ แล้วก็คุยเรื่องประสบการณ์ต่างๆ
นั่งคุยกันเป็นชั่วโมง ชิลๆค่ะ แล้วก็ส่ง Port ไปให้ทาง Producer ใหญ่พิจารณาอีกที
ตอนแรกเราได้รับการติดต่อในฐานะผู้ช่วยพิธีกรค่ะ คอยล่ามด้วย รับส่งบทสนทนาด้วย
แต่พอออดิชั่นครั้งที่ 2 ก็ได้เจอกับ Producer อีกคนที่เป็นผู้กำกับรายการ
สรุปว่ารายการนี้เนี่ย จะดำเนินรายการด้วยภาษาไทยทั้งหมดเมื่อฉายในไทย
และได้ชื่อรายการมาแล้วว่า “Beauty Versus”
รอบที่สองของการออดิชั่นก็คุยเรื่องการทำงานเป็นหลัก ลองบทพูด ลองแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า
แน่นอนว่าจุดยากคือภาษาที่ใช้เป็นภาษาญี่ปุ่นเนี่ยแหละ พูดยังไงให้ลื่นไหลมากที่สุด
หลังจากนั้นประมาณเดือนนึง เราก็ได้รับข่าวดีค่ะว่า
ทาง Fuji TV เลือกเราในฐานะ กรรมการจากประเทศไทย
.
.
รายการ Beauty Versus เป็นรายการที่ร่วมกันระหว่างประเทศญี่ปุ่นและประเทศไทย
โดยสปอนเซอร์หลักและทีมงานทั้งหมดมาจากทางญี่ปุ่น เราต้องบินไปถ่ายทำกันที่ญี่ปุ่นค่ะ
รูปแบบรายการจะเป็นการประชันการแต่งหน้าระหว่างสาวไทย กับสาวญี่ปุ่น
เริ่มด้วยการเปิดรูป Selfie ของแต่ละผู้เข้าแข่งขัน และเชิญมาให้กรรมการดูตัวจริง
จากนั้นก็ให้ลบเครื่องสำอางออกให้หมด โชว์หน้าสดกันออกอากาศ
แล้วกรรมการทั้งสามคนก็จะลงความเห็นกันว่า คนไหนแต่งออกมาแล้วตะลึงมากกว่ากัน
ปิดท้ายด้วยคลิปการแต่งหน้าจากผู้ชนะค่ะ
สำหรับสมาชิกในรายการหลักๆ ก็จะมี 5 คนค่ะ
พิธีกร คือ Enami Daiijiro ผู้ประกาศข่าวจาก Fuji TV ที่มาดังในไทยตอนประท้วง จำได้ป่าว
กับ บก.เรโกะ พี่เหมียวจาก S-Cawaii
กรรมการในรายการจะมี 3 คนค่ะ
Kirarista เราเอง จากประเทศไทย
Marty Friedman นักดนตรีจากอเมริกา และย้ายมาญี่ปุ่น 10 กว่าปี ภาษาเป๊ะมากๆ
Koseki Ren นางแบบวัยรุ่นชื่อดังจากญี่ปุ่น
การดำเนินรายการเราต้องพูดคอมเม้นท์เป็นภาษาไทย แล้วก็ค่อยแปลสิ่งที่พูดเป็นภาษาญี่ปุ่น
เพื่อให้ทีมงานเข้าใจและใส่เป็นซับญี่ปุ่น หรืออาจจะใช้ Voice over เอาค่ะ
ส่วนกรรมการอีกสองคน รวมทั้ง Enami’san จะพูดเป็นญี่ปุ่นเลย
แต่จะ Voice over พากษ์ไทยทับเข้าไปค่ะ
ทริปแรกของงานนี้เซ็ทกันไว้วันที่ 2-5 Jan 2015
เนื่องจากไฟลท์แน่นสุดๆ เราเลยต้องบินไปลงที่ Kansai ก่อน
จากนั้นก็ต่อ Taxi ไปที่สถานี Shin-Osaka (ค่าแท๊กซี่ช้อคโลกมาก 20,000 เยน)
แต่ก็ไกลอ่ะนะ เดินทางชม.นึงพอดีค่ะจากสนามบิน ทางทีมงานคงเห็นเรามีของ
ก็เลยให้นั่งแท๊กซี่กันเลย แพงเนาะ
โอซาก้า อากาศเช้านี้ราวๆ 1-2 องศา แต่ไม่มีลม ชิลๆเลยค่ะ ไม่หนาว
จากนั้นก็นั่งชินคันเซนเข้าโตเกียว ใช้เวลาราวๆ ชม.ครึ่ง ค่าตั๋วราวๆ 14,000 เยน
ขานี้ให้นั่งฝั่งซ้ายนะคะ จะเห็นฟูจิซังชัดแจ๋วเลย….
ที่โอซาก้าหิมะไม่ตกค่ะ แต่ห่างไปแค่ป้ายเดียว ที่เกียวโตหิมะลงหนักมากเลย
และระหว่างทางก็ต้องฝ่าลมแรง และหิมะ ทำให้ชินคันเซนวิ่งเร็วมากไม่ได้
ดีเลย์ไปราวๆ 40 นาที
หลังจากนั้น ก็ฟ้าเริ่มใสค่ะ เข้าสู่เมืองชิซึโอกะแล้ว กล้องพร้อม…
ในที่สุดก็เห็นซักที….
รอบก่อนที่นั่งก็ดันหลับสนิท อดเห็น
แต่วันนี้สมใจแระ ฟ้าเปิด มีหิมะปกคลุมสวยมากๆ แชะได้ทันวิวสะพานด้วย เป็นวิวต้นๆที่จะเห็นค่ะ
.
.
เมื่อมาถึงโตเกียวแล้วก็เช็คอินกันที่โรงแรม Grand Pacific LE DAIBA
โรงแรมติดสถานีไดบะ สะดวกมากๆ จากนั้นก็เป็น Free Time ของเราค่ะ
ในห้องเป็น Twin room แต่เค้าให้นอนคนเดียวล่ะ ชิลเลย…
ที่ห้องเราอยู่ชั้น 11 เลยโดนรร. Nikko บังวิวสะพาน อดเห็นเลย
ด้านหน้าโรงแรมเป็นสถานี Daiba ค่ะ เชื่อมกับตัวโรงแรมเลย ถ้าเทียบแล้ว Nikko น่าจะวิวดีกว่าเพราะ
ไม่มีอะไรบังเลย อยู่ชั้นไหนก็เห็นสะพานแน่นอน
ส่วนน้องๆผู้เข้าแข่งขัน ก็ต้องไปถ่ายทำการแต่งหน้ากันที่สตู
วันแรกนี้ช้อปกระจายมากกกกก เพราะมันเป็นช่วงปีใหม่ ไปไหนก็ลดแหลก
เริ่มแรกไปหาอะไรทานก่อนที่ Aqua City พุ่งตัวไปยัง Tonkatsu Wako
ตอนนี้มี Winter limited menu เป็นสตูเนื้อคร็อกเกะด้วยล่ะ
เสร็จแล้วก็เดินเร็วๆ สำรวจก่อนว่ามีไรน่าสนมั้ย ทั้งที่ Aqua City, Diver City
จากนั้นก็นั่งรถไฟไป Shibuya 109 ก่อน เพราะมี 7 days Bargain Sale ลดกระจาย
คนแน่นมากกก แต่ก็ได้ของมาพอสมควรเลยนะ
ของที่อยากได้สุดคือไมโครโฟนต่อกับกล้อง Sony NEX ของเรา ที่สาขาชิบุยะก็ดันหมด
เลยไปกันที่ Ikebukuro ถิ่นเราดีกว่า เดินหาที่ LABI, Bic Camera อยู่หลายตึก
หมด หมด หมด แต่สุดท้ายก็ได้มาค่ะ อันสุดท้ายของร้านพอดี
แน่นอนว่ามาที่ Ikebukuro ก็ต้องไปกินซูชิกัน Midori Sushi ร้านสุดรักของเรา
จากนั้นก็รีบกลับรร.ค่ะ เพราะจะห้าทุ่มแล้ว พรุ่งนี้ถ่ายรายการเดี๋ยวจะพลังหมดซะก่อน
ก่อนนอนก็ DUC check ซักหน่อย เห็นคนถามถึงโค้ทมาเยอะมาก
โค้ท : Rojita / เดรส : INGNI / หมวก: No brand ซื้อที่ญี่ปุ่น / บูท : Zipper
.
.
4 JAN 2015
วันต่อมา ก็เป็นวันสำคัญ เพราะเป็นวันถ่ายทำค่ะ
เรานั่งบัสกันไปที่สตูดิโอถ่ายทำ Fuji TV เป็นตึกสูง (ไม่ใช่อันตรงไดบะนะคะ)
เมื่อไปถึง เค้าก็ให้เราแยกย้ายเข้าห้องกันไป มีห้องพักศิลปินให้คนละห้องเลย
เราแต่งหน้ามาแน่นแล้วล่ะ เหลือมาทำผมที่นี่ ที่นี่ก็มีห้องแต่งหน้า ทำผมพร้อมช่างประจำตลอดค่ะ
การแต่งหน้า ทำผมแบบญี่ปุ่น เค้าจะชอบแนว Natural ทรงที่ได้วันนี้ก็เป็นผมลอนน่ารักๆค่ะ
เดรส : Shaka / รองเท้า : Dinos / โค้ท : Rojita
ในห้องมีเบนโตะเตรียมเอาไว้ด้วย วันนี้เป็นข้าวหน้าเนื้อ อร่อยดีค่ะ
นั่งท่องคิวไป กินไป ซักพักทางโปรดิวเซอร์ก็เข้ามาบรีฟอีกที
พอถึงเวลาถ่ายจริง มันตื่นเต้นนะ เพราะกล้องถ่ายทำ 6 ตัว กล้องถ่ายอีกตัวนึง
เทคแรกเราก็มองกล้องผิดแระ 555 แบบว่าเยอะจัด
ก่อนเดินเข้าสตู ทางโปรดิวเซอร์ก็จะเรียกชื่อเรา แล้วทีมงานทุกคนในสตู ร่วมๆ 20 คน
ก็จะปรบมือ แล้วก็กล่าวว่า “วันนี้รบกวนด้วยนะ” เป็นซีนที่เราขนลุกนิดๆเลยนะ
หน้าที่ของเราคือการคอมเม้นท์ และการตัดสินค่ะ
จุดยากในการคอมเม้นท์คือ ถามกันสดๆตรงนั้นแหละ
แล้วตามมารยาทของชาวญี่ปุ่นเค้าอ่ะนะ จะไม่คอมเม้นท์แรงๆกันหรอก
ไม่เหมือนเชฟกะทะเหล็กบ้านเรา แรงเกิ๊น
กฏอย่างหนึ่งในการคอมเม้นท์คือ ห้ามว่าผู้แข่งขันทั้งทางตรงหรือทางอ้อม
เช่น ทำแบบนี้ไม่ดี ทำแบบนี้ผิด แบบนี้เข้าใจผิดนะ เป็นต้น
การคอมเม้นท์ที่ดีของทางญี่ปุ่นคือการชม ชมในสิ่งที่เค้าทำได้ดี
ชมแล้วก็เสริมเทคนิกเข้าไปแบบนี้ทำได้ แต่ห้ามติ ห้ามว่าแรงๆค่ะ
เทคแรกก็ผ่านไปได้ด้วยดี แอบเกร็งนิดๆ
จากนั้นก็พัก 40 นาที เปลี่ยนชุด เติมเมคอัพ แล้วก็ลงมาถ่ายตอนที่ 2 ต่อกันเลย
Dress : Shaka / Boots : Zipper / Shoes : Dinos
เปลี่ยนเมคอัพเล็กน้อยให้เป็นโทนส้มพีชทั้งแก้ม และปากค่ะ
เติม Glitter Liner อีกนิด ให้ดู pop ขึ้น
.
สรุปแล้ววันนี้ก็ผ่านไปได้ด้วยดีนะ สนุกมากๆค่ะ กว่าจะถ่ายทำกันเสร็จก็ลากยาวกันถึง 6 โมงเย็น
ตอนถ่ายแทบจะไม่ได้เทคเลย ทุกอย่างไหลลื่นได้ดีค่ะ
รายการ Beauty Versus เป็นรายการสั้นๆนะ 15 นาทีเท่านั้นเอง แต่ถ่ายทำกันเป็นชั่วโมง
ยังไงก็อย่าลืมติดตามกันนะคะ วันเสาร์ ช่อง 7 เวลา 11:45 ค่า เริ่ม 7 กพ นี้ค่า
.
.
หลังจากถ่ายรายการเสร็จก็กลับโรงแรม แวะดูการแสดงไฟที่ตึก Fuji TV
เดินช้อปอีกนิดหน่อย 555
ทานมื้อเย็น แล้วก็สลบ…
.
.
เช้าวันรุ่งขึ้น มีเวลาจนถึงบ่ายๆ เพราะบินไฟลท์ 5 โมงเย็นค่ะ
รร.นี้สะดวกตรงที่นั่ง Limusine Bus ตรงไปที่นาริตะได้เลย แต่ต้องจองล่วงหน้านะ
ก่อนกลับก็เลยนัดกับพี่เหมียวไปเดินเล่นถ่ายรูปกันดีกว่า…
มาไดบะก็ต้องถ่ายกับเทพีสิคะ
จากนั้นก็ไปทานข้าวเที่ยงกันที่ Aqua City ค่ะ ที่นี่จัด Men Matsuri (เทศกาลอาหารเส้นๆ) ด้วยล่ะ
เราไม่ค่อยอินกับพวกราเมงเท่าไหร่ แต่ก็ลองดู เพราะวิวดีมากๆ ชิลๆ
วิวที่นี่เริ่ดมาก…
วันนี้เราสั่งสึเคะเมงค่ะ เข้มข้นมาก เข้มไป เค็มเลย…. กินไม่หมด มันเยอะมาก 980 เยน
กินได้สองคนเลยอ่ะ ปิดท้ายด้วยรูปสุดฮาที่กินลืมสวยค่ะ
จบทริปนี้ก็ได้ประสบการณ์ดีๆกลับมาเยอะเลย
ได้เห็นการทำงานทีวีของคนญี่ปุ่น เค้าทุ่มเทมากๆ ขนาดรายการเล็กๆทีมงาน 20 คน
ตากล้องอีกมากมาย อุปกรณ์ทันสมัย และได้รู้ศัพทย์ญี่ปุ่นด้านความงามกลับมาด้วย
รอบหน้าต้องทำการบ้านเพิ่มเรื่องคำศัพท์ภาษาญี่ปุ่นเวลาคอมเม้นท์ผู้เข้าแข่งขัน
สู้ๆ ฮึบๆ…
Categories: Diary, Dining & Traveling, Travel trip
หา! มาร์ตี้ ฟรายแมน มาเป็นกรรมการด้วย
ใช่แล้วค่า เป็นแฟนของมาร์ตี้เหรอคะเนี่ย :D
เป็นกำลังใจให้พี่แป้งอีกคนนะคะ บ้านเมืองเขาน่าอยู่มาก
พี่แป้งกับ บก.เรโกะเหมือนสาวญี่ปุ่นกันมากเลย สวยทั้งคู่เลยค่ะ^^
ดีใจกับพี่แป้งด้วยนะคะ อ่านแล้วรู้สึกตื่นเต้นตามไปด้วยเลย ถึงพี่แป้งจะมาญี่ปุ่นบ่อยแล้ว แต่มาในอีกบทบาทนึงนี่เข้าใจเลยว่าความรู้สึกต่างกันมากก จะรอติดตามชมนะคะ
ปล. กระเป๋าของพี่แป้งสีเหลืองนี่ต้องโดนแน่ๆ เห็นแล้วอินมาก ;__;
ตื่นเต้นแทนน้องแป้งเลย การต้องแสดงความคิดเห็นที่ต่างบ้านต่างเมืองมันก็ยากเหมือนกันเนอะ พูดอะไรผิดกาละเทศะไปก็แย่เลย จะติดตามรายการนะ เสาร์นี้แล้ว ต้องรอดูซะหน่อย ^^
ปล.ชอบน้องแป้งแต่งตัว น่ารักทุกวันเลย 🙂
อ่านแล้วตื่นเต้นตาม มีฉายที่ญี่ปุ่นด้วยมั๊ยคะ จะได้ตามดูได้ๆ
ตอนนี้เค้าแจ้งมาแค่ทางไทยที่ช่อง 7 ก่อนค่ะ ส่วนที่ญี่ปุ่นตอนนี้รอแพลนอยู่ค่า ขอบคุณมากๆเลยนะคะ
เจ๋งมากเลยค่ะ ^^b