มาต่อกันที่ตอนที่สองสำหรับทริปฮอกไกโดในปีนี้
ในวันที่สองนี้เราไปเที่ยวที่เมืองใกล้ๆ นั่นคือ Otaru มาค่ะ ที่เมืองโอตารุ จะเป็นเมืองที่
ติดชายทะเล สถานที่เด่นๆของเมืองนี้คือ คลองโอตารุ ร้านค้าและพิพิฒภัณฑ์กล่องดนตรี
เครื่องแก้ว ร้านค้าขนมหวาน และซูชิค่ะ เมืองไม่ใหญ่มาก เที่ยวครึ่งวันก็ทั่วแล้ว
How to go: นั่งรถไฟ JR จากซัปโปโรใช้เวลา 45 นาที ลงสถานี Otaru ค่ารถไฟ 620 เยน
เราแนะนำให้ซื้อ Otaru Welcome Pass ค่ะ ราคา 1,500 เยน
ได้ทั้งตั๋วรถไฟไปกลับ Sappor- Otaru + Subway 1 day pass คุ้มกว่ามาก
Tips: Subway pass สามารถเก็บไว้ใช้วันอื่นได้นะคะ เพียงแค่จะใช้ได้ไม่จำกัดเที่ยว
ในหนึ่งวัน นับตั้งแต่ใช้บัตรค่ะ แต่บัตรรถไฟไปกลับโอตารุจะใช้ได้แค่วันที่ระบุเท่านั้น
เมื่อมาถึงที่สถานี ก็เห็นถึงความเก่าแก่ที่เค้ายังอนุรักษ์ไว้
เมืองค่อนข้างร่มรื่น ลมเย็น และลมแรงมากๆ
น่าเสียดายที่ช่วงที่เรามาอากาศแปรปรวน ฝนบ้าง แดดบ้าง ท้องฟ้าเลยไม่สดใสเลย
เดินออกจากทางออก ก็เห็นคนถ่ายรูปกันใหญ่
ถ่ายอะไรกัน เลยมองขึ้นไป โอโห เครื่องแก้วทั้งนั้นเลยนินา
เดินออกมา ลมแรงมากกกกกกก
จากหน้าสถานี เราจะเดินไปที่คลองโอตารุ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเมืองนี้กันค่ะ
เดินตรงมาเรื่อยๆ ประมาณ 700 m ก็จะถึงค่ะ วิวดีมากๆ
Otaru Canal (小樽運河)
คลองแห่งนี้เกิดจากการถมทะเลเพื่อทำทางลำเลียงสินค้า แล้วภายหลังเค้าก็ถมทำถนน
แต่เหลือไว้ครึ่งหนึ่งเพื่อให้เป็นจุดท่องเที่ยวค่ะ
ทางเดินยาว บรรยากาศดี ฉากหลังเป็นโกดังที่มีอิฐแดง สมัยก่อนเป็นโกดังเก็บสินค้า
แต่ตอนนี้ด้านในปรับเปลี่ยนเป็นร้านค้า ร้านอาหารค่ะ
อ๊ะ… น้องเหมียวนี่นา…นั่งชิล มองนู่น มองนี่อยู่นานมาก น่ารักกกกก
ตามริมทางก็จะมีศิลปินอิสระมาวาดภาพ เล่นดนตรีค่ะ
หลังจากเดินด้านหน้าไปแล้ว เราก็เดินเล่นรอบๆ ไปดูร้านอาหารต่างๆค่ะ
แต่ในใจน่ะมีเล็งไว้แล้วว่าจะทานอะไรมื้อเที่ยงนี้
มีร้านเบียร์แบบเรโทรๆด้วย ขวดเบียร์ก็เก๋ๆดีค่ะ น่าดื่ม
Otaru Beer
และแล้วก็มาถึงมื้อกลางวันค่ะ
หนังสือนำเที่ยวของไทยหลายเล่ม แนะนำให้มาทานบุฟเฟต์ขาปูที่นี่
เพราะเป็นที่ที่แกะมาให้เสร็จสรรพ ไม่ต้องไปแงะแกะเองเหมือนกับร้านดังอื่นๆ
เลยไม่พลาดที่จะมาลองบ้าง ด้วยความอยากกินปูสุดๆ เลยเลือกร้านนี้ค่ะ
“Asakusabashi Beer Hall” 浅草橋ビアホール
ร้านอาหารนี้จะเป็นบุฟเฟ่ต์ค่ะ และมีขาปูแบบแกะแล้วให้ด้วย
ร้านนี้จะอยู่ที่โกดังที่ชื่อว่า Otaru Unga Shokudo 小樽運河食堂
เป็นสถานที่ที่รวมเอาร้านอาหารหลายๆร้านไว้ด้านในค่ะ
How to go: อยู่บริเวณโกดังเก่า ใกล้ๆสะพานค่ะ (บริเวณ คลอง)
มาดูเมนูกันค่ะ…
Hokkaidao Buffet 1,575 JPY (Lunch) / 1,890 (Dinner)
อันนี้เป็นขั้นต่ำที่ต้องจ่ายต่อคนค่ะ เป็นบุฟเฟต์ให้ตักได้ไม่อั้น
มีพวกของทอด ซูชินิดหน่อย ของหวาน และของปิ้งย่าง พวกเนื้อ หมู ไก่ เบสิกๆ
ถ้าเพิ่มเป็น Hokkaido Buffet + Suwai Kani ปูสุไว จะอยู่ที่ 2,835 JPY
และเมนูท้อปฮิต คือกินได้ทุกอย่าง hokkaido buffet + Suwai + Taraba (King crab)
จะอยู่ที่คนละ 3,675 JPY
เดินเข้าไปก็ควันขโมงทั้งควันย่างและควันบุหรี่ ที่นี่ไม่แยกโซนค่ะ
ถ้ามาน้อยกว่าหกที่ก็จะได้นั่งชั้นบน เดินขึ้นลงลำบากหน่อยนึงในการตักอาหาร
แต่พวกปู กับเนื้อต่างๆ กดกริ่งเรียกเค้าก็มาถึงโต๊ะค่ะ
พอเห็นปูโต๊ะข้างๆแล้วตัดสินใจกันว่า เอาแค่บุฟเฟ่ต์พอ แล้วสั่งปูเป็นจานๆมาลองก่อน
เพราะราคามันต่างกันมาก จะเดินออกจากร้านก็ไม่กล้า พนง.หน้าบูดแล้ว รอนานเมื่อไหร่จะสั่งไรงี้
ถือเป็นความพลาดอย่างแรงที่เชื่อหนังสือนำเที่ยว คอมเม้นท์ในกระทู้หลายๆแห่ง
ที่มาที่ร้านนี้ก็ว่าได้ เพราะลงไปดูอาหารแล้ว เห้ยยยย บุฟเฟต์ไลน์ห่วยแตกมากค่าาาา
ไม่อร่อย และไม่รู้จะกินอะไรดี
ปูที่สั่งมา มาแล้ว จานนี้ 1,155 JPY เป็นแบบมิกซ์ ทั้งสุไว และทาราบะ
Kirari’s Review: อาหารบุฟเฟต์ไม่อร่อย เนื้อย่างกลางๆ แต่น้ำจิ้มไม่มีนะคะ มีแค่โชยุเค็มๆ
ส่วนปู ก็มาแบบแข็งเป็นน้ำแข็งเลย ต้องจับลงเตาซักพักให้น้ำแข็งละลาย
เนื้อปูแห้งสาก ไม่อร่อยอาจเพราะเป็นปูฟรีซ สรุปคือ ไม่ปลื้มค่า ไม่กล้าแนะนำใครแน่ๆ
ความอร่อย : 5/10
ความสะอาด, บรรยากาศ : 7/10
การบริการ : 7/10
ความพอใจโดยรวม D+
.
.
หลังจากอิ่มแบบไม่ฟิน ก็ออกเดินทางไปหาอะไรฟินๆดีกว่า
มา OTARU พลาดได้ไงกับร้าน LeTAO
พวกร้านขนมและโรงงานเครื่องแก้ว กล่องเสียงต่างๆ จะอยู่บริเวณ Marchen Square
How to go: จะไปด้วย Subway ก็ได้ (แต่แนะนำแท๊กซี่มากกว่าค่ะ)
จากสถานี Minami Otaru (1 ป้ายก่อนถึง Otaru) ข้ามถนนฝั่งขวามือ เดินไป 1 บล๊อค
เลี้ยวซ้าย ตรงไปอีก 350 เมตรจะถึง หรือ เรียกแท๊กซี่ไปจะสะดวกที่สุดค่ะ
Tips: Marchen Square เป็นศัพท์ที่ลุงแท๊กซี่เค้าไม่คุ้นค่ะ ให้บอกว่าไป
Otaru Orgel Main Hall 小樽オルゴール堂本館 (โอตารุโอรุโกรุโด ฮงคัง)
.
.
LeTAO ขอบอกเลยว่า เทพจริง เค้ก Fromage Double Best Seller ของเค้าเทพจริง !!
ที่ร้านให้ชิมแบบไม่หวง ทั้งเค้ก ทั้งช๊อคโกแลต แต่เค้กน่ะเก็บได้แค่วันเดียวนะคะ
หน้าตาแบบชัดๆค่ะ หอม นุ่ม อร่อยมาก ใครที่ได้มา ห้ามพลาดค่ะ
บริเวณรอบๆนี้ส่วนมากจะเป็นร้านค้าขายกล่องดนตรี เครื่องแก้ว และร้านขนมต่างๆ
สำหรับร้านกล่องดนตรีที่ใหญ่สุดก็หนีไม่พ้นที่นี่ค่ะ
Otaru Orgel Main Hall 小樽オルゴール堂本館
ภายในมีกล่องดนตรีหลากแบบ งานน่ารักๆเยอะค่ะ คนเยอะมากๆ
แบบขำๆอย่างซูชิก็มีนะคะ ราคาไม่ถูกเท่าไหร่ แต่ได้รับความสนใจเยอะเหมือนกัน
ส่วนเปียโนอันนี้เราชอบค่ะ สวยดี
ใกล้ๆกับฮอลล์ ก็จะมีนาฬิกาไอน้ำโบราณตั้งอยู่ค่ะ หลายๆคนนิยมมาถ่ายรูปเป็นที่ระลึก
.
.
ถัดมาร้านใกล้ๆกัน เป็นร้านขายเครื่องแก้ว
ส่วนตัวมองว่างานเครื่องแก้วของไทยสวยกว่านะ แต่ของที่นี่คงใช้วัสดุที่ดีกว่า
ราคาเลยต่างกันค่อนข้างมาก
ร้านแก้วที่นี่จะมีจุดขายที่ว่า เบียร์จะอร่อยได้ ก็ต้องมีภาชนะที่ดี
ว่ากันไป….
.
.
หลังจากนั้นก็ออกมาเดินเล่นดูของสดค่ะ
ช่วงนี้เป็นหน้าเมล่อนพอดีเลย (มิย. – กค)
เมล่อนที่ฮอกไกโดก็มีหลากหลายพันธุ์ แต่ที่ฮิตสุด แพง อร่อย คือพันธุ์ Yubari
ซึ่งเค้าจะปลูกในเขต Yubari และมีการทดสอบความหวานและความสมบูรณ์ต่างๆ
ทำให้ได้ผลผลิตที่คุณภาพสูงสมราคา ที่สำคัญ เค้าจดลิขสิทธิ์
ดังนั้นเมล่อนเหมือนกันแต่ปลูกคนละที่ ก็ไม่สามารถใช้ชื่อ Yubari Melon ได้
เอ๊ะ…เห็นอะไรแว้บๆในรูปด้านบนมั้ย????
Ichitan!!!! มาตั้งตรงนี้ได้ไงเนี่ย งง ???
.
.
ประมาณ 5โมงก็เดินทางกลับ Sapporo ค่ะ
เมืองโอตารุเป็นเมืองเล็กๆ เที่ยวแบบชิลๆ ครึ่งวันนิดหน่อยก็เพียงพอ
มื้อเย็นนี้ ตั้งใจว่าต้องไปตรอกราเมงให้ได้!!!!
ตรอกราเมง หรือ らーめん横丁
How to go: Subway (Namboku line) Susukino Station (Exit 5)
เดินจนถึงแยก เลี้ยวซ้ายเดินไปอีก 40m
เราเดินแล้วงงเหมือนกัน มันเป็นตรอกจริงๆ แคบแค่หนึ่งคนเดิน มีป้ายไฟวิ่งๆนิดหน่อย
หาไม่เจอก็ถามคนแถวนั้นได้ค่ะ เค้ารู้จักกันดี
ร้านที่เราเดินดูและเห็นคิวแน่นคือร้านนี้ Aji no karyu 味の華龍
เป็นร้านแรกเลยซ้ายมือเลยค่ะ มีที่นั่งพอสมควร เมนูยอดฮิตนั่นก็คือ….
ราเมงก้ามปูค่ะ Crab Noodles (1,800 JPY)
เครื่องแน่นมาก ทั้งก้ามปู หอยเชลล์ตัวใหญ่ หน่อไม้ และชาชู
น้ำซุปกระดูกหมูเข้มข้น สูตรพิเศษของทางร้าน
อร่อยมากๆๆๆๆๆ ก้ามปูแงะยากซักหน่อย แต่เนื้อเด้ง แน่นดีค่ะ
เกี๊ยวซ่าก็โอเคนะ อร่อยดีค่ะ
ร้านนี้ค่อนข้างแน่นทีเดียว มีลูกค้าจองโต๊ะเอาไว้แน่น เราโชคดีมากที่ไม่ต้องรอคิว เพราะมี
โต๊ะก่อนลูกออกไปสี่ที่พอดี
Kirari’s Review: ร้านนี้ราเมงอร่อยค่ะ เมนูราเมงปูเครื่องแน่นมาก แม้ราคาสูงหน่อย
แต่รู้สึกคุ้มค่า อร่อยมากๆ ทุกคนประทับใจกับน้ำซุปร้านนี้ เส้นแข็งกำลังดี
เป็นร้านที่อยากแนะนำให้มาลองชิมค่ะ
ความอร่อย : 9.5/10
ความสะอาด, บรรยากาศ : 5/10
การบริการ : 7/10
ความพอใจโดยรวม A
.
.
ตอนกลางคืนก็กลับมาที่ Sapporo ค่ะ
เมื่อคืนก่อนไปเดินสำรวจราคาเครื่องสตีมตา ของ Panasonic Beauty
กับเลนส์ SEL50F18 สำหรับกล้อง Sony NEX ของเรามาที่ Big Camera
ปรากฎว่า แพงมาก ราคาเลนส์ 29,500 เยน ราคาเกือบเท่าเมืองไทยเลย
(ที่ไทยตอนนี้ 9,900 ค่ะ) เลยไม่ซื้อ
ส่วนเครื่องสตีมเมอร์ เค้าขายที่ 12,600 เลยขอเก็บไว้ก่อน
คืนนี้พอมีเวลา ร้านมันปิดสามทุ่ม พอวิ่งไปซื้อทัน เลยไปอีกร้าน ซึ่งเป็นร้านดัง
อยู่ห่างสถานีไปอีกหน่อย Yodobashi Camera ค่ะ
ร้านนี้ขายถูกกว่ามากกกกกก
เลนส์เราซื้อมาได้ที่ราคา 22,800 JPY
Eye steamer 10,800 JPY ทำไมราคามันต่างกันขนาดนี้เนี่ย
Tips: คนต่างชาติสามารถบอกว่าขอลดเป็น Tax Refund 5% ได้ค่ะ
สำหรับเลนส์ เราต่อรองให้ใช้พ้อยท์ที่จะได้จากการซื้อ ลดราคาไปเลย
เลยได้ลดไปสองพันกว่าเยนค่ะ
.
.
สรุปว่าคืนนี้ฝันดีได้ของที่หมายตามากอดนอน
เลนส์เนี่ย พรุ่งนี้ประเดิมเลย ไปตะลุยทุ่งดอกไม้ ซึ่งเป็นไฮไลท์ของทริปค่ะ
ห้ามพลาดเลยนะคะ
.
.
.
Related Posts
.
.
ย้อนอ่านบทความท่องเที่ยวญี่ปุ่น ตอนอื่นๆได้ที่นี่
Categories: Dining & Traveling
รบกวนสอบถามค่ะ hakodate ถ้าแค่ถ่ายรูปสถานที่ดังๆ สวยๆ ชิคๆไม่ได้กะเดินตลาด สามารถไปเช้าเย็นกลับได้มั้ยคะ
พอดีวางแพลนไว้ค่อนข้างกระทันหัน เพราะขึ้นอยู่กับวันหยุดของงานที่จะได้รับอนุมัติจากทางแผนกด้วย เลยทำให้จองรร.ไม่ทัน เลยต้องนอนซัปโปโรที่เดิมหกคืนเลยค่ะ หรือไปเมืองไหนที่ใกล้ๆซัปโปโรแล้วน่าสนใจน่าเที่ยว เหมือนotaru furano bieiมั้ยคะ เดินทางคนเดียวค่ะ ดังนั้นค่อยข้างจะชิวๆหน่อย ขอบคุณมากค่ะ
ไปได้ค่ะ แต่จะเหนื่อยมากๆๆๆ แล้วก็เวลามีน้อยในการเที่ยวอ่ะค่ะ
ส่วนเมืองใกล้ๆซัปโปโรแล้วชิลๆได้ไม่ยากก็ไป Otaru น่าจะดีสุดแล้วค่ะ
Thanks for sharing, I like ICHITAN.
ทำไมถึงไม่ใช้ JR Hokkaido Rail Pass 3วันที่ซื้อมาหรือคะ มันสามารถใช้ได้หรือเปล่าคะ ถ้าไปโอตารุ
ใช้ได้แต่ไม่คุ้มค่ะ ทั้งนี้ขึ้นกับแพลนค่า ของเราเก็บไว้ใช้ที่ฮาโกดาเตะคุ้มกว่า