ทริปนี้เป็นทริปฮ่องกงในรอบ 10 ปีของเราเลยล่ะ พักหลังๆไม่ค่อยได้ไปเลย
โชคดีทาง Air Asia โทรมาชวนไปทริปทำบุญไหว้พระ เลยไม่ลังเล ตอบตกลงไปทันที
เพราะอยากไปสักการะเจ้าแม่กวนอิมอีกครั้ง ซึ่งไม่ผิดหวังค่ะ เป็นทริปอิ่มบุญกันสุดๆ
และยังได้ไปทานอาหารจีน อาหารทะเลในหลายๆร้านดัง ที่อร่อยมากๆค่ะ เป็นอีกทริปที่ประทับใจของปี
ในครั้งนี้มีทั้ง Beauty Blogger และพี่ๆสื่อไปด้วยกันค่ะ ประมาณ 20 กว่าคน
เราออกเดินทางกันในวันที่ 10 พ.ค. ไฟลท์ FD504 ออกจากที่ดอนเมือง 15:35
ไปถึงที่ฮ่องกงตอน 19:20 ค่ะ (เวลาที่ฮ่องกงเร็วกว่าไทย 1 ชม.)
น้องทรายติดงาน เลยตามมาไฟลท์เย็นที รอบนี้เลยล่วงหน้ากันไปก่อน 5 คน
อาหารบนเครื่องอร่อยกว่าที่คิดไว้เยอะเลย ดูที่หน้ากล่องเป็นของร้านสีฟ้าค่ะ
เราสั่งเป็นข้าวกับต้มยำกุ้ง และก็ข้าวเหนียวมะม่วงของแอร์เอเชีย
ส่วนกล่องด้านหลังเป็นเม็ดมะม่วงรสต้มยำ ของขายดีจากทางภูเก็ต น้องๆสจ๊วตบอกว่าอร่อยมากค่ะคุณพี่ ต้องลอง..
สนุกสนาน อิ่มกันเต็มท้อง นั่งไปสองชม. กว่าๆก็ถึงที่สนามบินฮ่องกงค่ะ
โหลดและรับกระเป๋าไม่นาน จากนั้นก็เดินออกมาซื้อซิมการ์ดกันค่ะ
ที่ฮ่องกงจะมีซิมการ์ดขาย เราจะประหยัดค่าเน็ทได้เยอะมาก ซิมแบบ 8 วัน 96 HKD (ประมาณ 400 บาท)
หุ้นกับพี่ปูเป้ก็คุ้มมากๆค่ะ เน็ทใช้ได้ 5 GB แค่สองวันก็เหลือเฟือ
.
.
จากนั้นก็ขึ้นรถแล้วไปกันที่หมู่บ้านชาวประมง (Lei Yue Mun เล่ยหยูมุน)
เป็นหมู่บ้านริมทะเล ตรงอ่าววิกตอเรียค่ะ
ร้านที่เรามาทานกันวันนี้ชื่อ LUNG TANG Restaurant (龍騰海鮮酒樓) ค่ะ
ร้านนี้เป็นอีกร้านดังของย่านนั้นเลย ลองเปิดๆดูตามรีวิวก็เห็นหลายคนรีวิว
ในร้านบริการดีจนตกใจทีเดียว และพอเห็นเราถ่ายรูปเยอะๆ ก็ขำๆกัน แต่ก็ยกนิ้วให้ประมาณว่า ยูเจ๋งมากๆนะ
อาหารอร่อยทุกจานเลยค่ะ ต้องขอบคุณรูปจากพี่ปูเป้ Pupesosweet ถ่ายได้งามมาก รูปพุ่งทะลุจอสุดๆ
อาหารทะเลที่ฮ่องกง แน่นอนว่าสดมากแน่ๆ เพราะชาวฮ่องกงเค้าต้องทานอะไรที่สดๆ เป็นๆ
อาจจะโหดไปซักหน่อย แต่เป็นความเชื่อของเค้าค่ะ ว่ามันดีต่อสุขภาพ และได้รสอาหารที่ดี
.
เริ่มจากจานแรก ปลาหมึกชุบแป้งทอด มีความเค็มนิดๆของเกลือ อร่อยมากๆ ปลาหมึกนุ่มมากๆค่ะ
ถัดมาก็เป็นกุ้งลวก จานนี้ก็เนื้อหวาน อร่อย กุ้งตัวไม่ใหญ่ แกะเพลินๆค่ะ
จานต่อไปคือที่สุด ของที่สุดค่ะ… กั้งทอดกระเทียม
จัดให้รูปเต็มๆ เพราะมันอร่อยมากๆๆๆๆๆๆ ที่สุดของกั้งก็ต้องฮ่องกงนี่แหละ
ตัวใหญ่มากๆ เนื้อสดเด้ง แข็งแรง และอร่อยมากค่ะ ใครชอบกั้ง ห้ามพลาดเด็ดขาดเลย
ถัดมาก็เป็นอาหารหรูอีกจาน… หอยเป๋าฮื้อนึ่งซีอิ้ว จานนี้ก็ได้กันคนละตัวเลย แน่นๆ เนื้อแน่น ตัวใหญ่มากๆค่ะ
จานถัดมาก็เป็นไฮไลท์ของวันก็ว่าได้ นั่นก็คือ หอยงวงช้างลวก
หอยงวงช้างมีราคาแพง และหาทานค่อนข้างยากค่ะ เราแนะนำว่าทานดิบอร่อยกว่าแบบลวกมากๆ
ซึ่งหอยงวงช้างจะมีสองส่วนคือส่วนเนื้อกับส่วนเครื่องใน เราไม่ชอบเครื่องในค่ะ เลยทานเป็นซาชิมิ
ในส่วนเนื้อ จะหวานๆ กรุบๆ อร่อยค่ะ เสียดายน่าจะได้วาซาบิสดๆ แต่ที่ร้านนี้วาซาบิแบบจีนๆ
ไม่ค่อยโดนเท่าไหร่ ลองทานแบบลวกดูแล้ว มันค่อนข้างมีกลิ่นคาว เลยทานแต่แบบดิบค่ะ
มื้อนี้นี่มีแต่อาหารชูกำลังทั้งนั้นเลยแฮะ 55
จานถัดไปก็เป็นปูผัดกับพริกไทยอะไรซักอย่าง อร่อยดีค่ะ เนื้อแน่นสดเทพๆ
ยังไม่หมด ยังมี กุ้ง Lobster ผัดเนยและชีส จานนี้เลี่ยนไปนิดนึง ไม่ค่อยโดน
ปิดท้ายด้วยข้าวผัด และยังมีปลานึ่งซีอิ้วตัวยักษ์
เป็นมื้อค่ำที่แน่นท้องกันสุดๆ พยามทานกันให้หมด แต่ก็ไม่หมดจริงๆ มันเยอะมากๆสำหรับ 9 คน
.
.
หลังจากนั้นก็นั่งรถเข้าโรงแรมกันค่ะ
ครั้งนี้พักกันที่ Holiday Inn Golden Mile ตรงถนน Nathan สะดวกสบาย ใจกลางแหล่งช้อป
มาถึงปุ้ปก็ขำกับไซส์กระเป๋าของแต่ละคน…
ทุกคนสงสัยกันมากว่า พี่ตูน กับแป้งพกอะไรมาบ้าง ทำไมมันเล็กและเบาได้ขนาดนี้
ขามากระเป๋าหนักแค่ 5.2 Kg เองค่ะ เบามากๆ แต่เอาของมาครบนะ
ส่วนเจ๊มด กะเอิ๊กก็ใหญ่จนตกใจ เห้ย… เรามาทริปเดียวกันป่าวเนี่ยยย
สรุปว่าความพอดีคือกระเป๋าพี่เป้ 555
.
.
11 MAY 2014
ตื่นกันแต่เช้าตั้งแต่ 7 โมง อาบน้ำแต่งตัวแล้วมาเจอกันตอน 8 โมงเพื่อนั่งรถไปทานติมซำกันค่ะ
เรานอนกับเอิ๊ก จบทริปนี้เลยได้ลูกสาวมาคนนึง เด็กเอิ๊กน่าเอ็นดูจริงๆ
.
.
ทานกันอิ่มแล้วก็ออกเดินทางไปยัง Repulse Bay
ที่ Repulse Bay นี้จะมีรูปปั้นของเจ้าแม่กวนอิม และเจ้าแม่ทินโห่ว ที่ช่วยปกป้องคุ้มครองชาวประมง
ในทริปนี้เราโชคดีมากๆ เพราะมีพี่โอ๋ซึ่งเป็นพี่หมอที่คอยช่วยเรื่องพิธีการต่างๆ
เราไม่ค่อยได้ทำบุญที่เป็นพิธีการบ่อยๆ ก็ไม่ค่อยรู้เรื่องว่าต้องไหว้อย่างไร บูชาอะไรบ้าง
ในงานนี้ได้พี่โอ๋คอยแนะนำตลอดทริป ต้องขอขอบคุณมากๆเลยค่ะ
เริ่มแรก ก็เดินเข้าทางประตู ให้เดินก้าวเข้าด้วยเท้าซ้าย เมื่อเข้าไปแล้วก็ถวายลูกแก้ว
เพื่อขอพรในเรื่องโชคลาภ การทำงาน การเงินต่างๆค่ะ
ครั้งนี้ได้ไกด์พี่นานา บริการดีตลอดทริปเลยค่ะ ยิ้มแย้มตลอด
จากนั้นก็เดินเข้าไปด้านในเพื่อไหว้ขอพรจากเจ้าแม่กวนอิมค่ะ
ตอนเดินเข้าไปจู่ๆก็ขนลุกเลย หันไปจิกแขนพี่มดเบาๆ 55
หลังจากไหว้ขอพรเจ้าแม่กวนอิมแล้ว เราก็ถวายสร้อยมุก 9 เส้นที่เตรียมมา ซึ่งแต่ละคนจะถวายไม่เหมือนกัน
ของเราถวายที่กลีบบัวรององค์เจ้าแม่กวนอิมทั้งหมดค่ะ
จากนั้นก็ไปไหว้ขอพรกับเทพเจ้าโชคลาภ
ตรงจุดนี้เรานำแบงค์ 100 ลูบตั้งแต่บนลงล่างแล้วเปิดกระเป๋าเข้าเก็บตามความเชื่อค่ะ
ตรงสะพานต่ออายุ ต้องโน้ตไว้นิดนึงว่า ให้เดินวนทั้งหมด 3 รอบ
รอบแรกให้อธิษฐานเรื่องสุขภาพ ครอบครัว
รอบที่สอง อธิษฐานเรื่องการงาน การเงิน
รอบที่สามให้อธิษฐานให้พรที่ขอสมหวัง
เวลาเดินให้เดินวน ห้ามเดินย้อนกลับค่ะ
และก่อนออกจากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทุกๆที่ ทางพี่โอ๋แนะนำว่า เราควรชำระหนี้สงฆ์
นั่นก็หมายถึงว่า เราเดินทางไปทุกๆก้าวในสถานที่นั้น และได้ทำการขอพร
ก็ควรชำระหนี้คืน นั่นก็คือการร่วมทำบุญในสถานที่นั้นๆค่ะ
.
.
จากนั้นก็เดินทางไปต่อกันอีกวัดหนึ่ง ซึ่งเป็นที่นิยมมากๆ
นั่นก็คือ “Che Kung Temple” วัดกังหัน
เมื่อมาถึงก็ต้องซื้อธูปและชุดบูชา มีหลายราคาค่ะ เริ่มต้นที่ 38 HKD
ก็เขียนชื่อ และรายละเอียดของเราและครอบครัวลงไปเพื่อขอพร
จากนั้นก็ไหว้ฟ้าดินก่อน โดยหันไปทางประตู แล้วก็ค่อยหันกลับมาไหว้ทางท่านแซกงหมิว
ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ของทางวัดคอยช่วยเหลือตลอดค่ะ
ปีนี้เราปีชงพอดี ก็เลยไปหมุนกังหันกลับทิศ ซึ่งการหมุนกังหันกลับทิศเค้าเชื่อกันว่าจะช่วยกลับเรื่องร้ายกลายเป็นดี
วิธีหมุนก็คือ ใช้มือซ้ายหมุนไปทางซ้าย 3 รอบ แล้วค่อยใช้มือขวา หมุนไปทางขวาอีก 3 รอบ
จากนั้นก็อธิษฐาน แล้วก็ไปตีกลอง ทำให้ครบทั้งสองด้านค่ะ
ที่ด้านข้างก็จะมีเทพเจ้าประจำปีเกิดให้ไหว้สักการะค่ะ
จากนั้นก็รวมพล ไปหาของอร่อยทานกันต่อมื้อเที่ยงค่ะ
ช่วงเที่ยงเราจำไม่ได้ว่าร้านอะไร ก็อร่อยประมาณนึงค่ะ
แต่ได้ยินว่าตอนวันธรรมดาเนี่ย คนเยอะมากๆ ต้องต่อคิวยาวกว่าจะได้ทานร้านนี้
.
.
จากนั้นก็นั่งรถไปไหว้พระกันต่อ ที่ Sik Sik Yuen Wong Tai Sin Temple (หวังต้าเซียน)
ที่นี่เป็นอีกวัดที่ดังสุดๆของฮ่องกงค่ะ แม้ว่าฮ่องกงจะเป็นเกาะเล็กๆ
แต่มีวัดมากถึง 600 กว่าวัดเลยนะคะ เกาะนี้เป็นเกาะที่เต็มไปด้วยความเชื่อต่างๆ โดยเฉพาะเรื่อง
โชคลาภและฮวงจุ้ยต่างๆ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะเหตุนี้หรือเปล่า บ้านเมืองเค้าเจริญขึ้นเร็วมาก
ก่อนกลับก็ขอถ่ายภาพกับรูปปั้นเทพเจ้าของปีเกิด ของเราปีชวดค่ะ
.
.
จากนั้นก็ไปกันต่อที่วัด Kwun Yam Temple ที่ฮองฮัม
ที่นี่จะมีรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมที่ศักดิ์สิทธิ์มากๆอีกแห่งค่ะ
ที่นี่เป็นวัดเล็กๆ เลยออกมาถ่ายภาพเป็นที่ระลึกกันด้านนอก ตอนนี้ตาแสบไปหมดแล้ว
เราลืมเอาแว่นใสมารอบนี้ ทุกทีจะต้องใส่เวลาไปไหว้ เพราะแพ้ควันธูป แสบตามากๆค่ะ
.
.
ถัดไปก็เป็น Free Time ของพวกเราแล้ว….
นั่งรถกันกลับที่โรงแรมก่อน แล้วก็ค่อยเดินไป Habour City กันค่ะ
เป้าหมายก็คือ Pierre Herme ร้านขนมชื่อดังของปารีส ที่พี่มดการันตีว่า มาการองเทพเวอร์
อร่อยกว่า Laduree ซะอีกนะ ด้านราคาพอๆกันค่ะ ชิ้นละ 120 กว่าๆ แพงมากๆๆๆๆ
กล้องพี่เป้ เทพจริงๆ เลนส์โปรมันเริ่ดอย่างนี้นี่เอง… ภาพพุ่งมากๆ
มาการองเซ็ทนี้ของทุกๆคน คนละสองชิ้นพอดี พี่มดเลี้ยงงงง ขอบคุณคร้าบบบบ…
แหม..สีมันช่างเข้ากับกางเกงและเล็บเราจริงๆ
จากนั้นก็ไปช้อปกันค่ะ เราแว้บไปเห็น 3CE (3 Concept Eyes) แบรนด์เครื่องสำอางของร้านเสื้อผ้า
StyleNanda จากเกาหลี ซึ่งเราชอบมากกก ไปเกาหลีแล้วไม่ค่อยเจอ มาที่ฮ่องกงหาเจอเฉยเลย
(เราไปที่สาขา Silver Cord ค่ะ เป็นตึกที่ไม่ไกลจาก Habour City จริงๆเพิ่งรู้ว่าที่ Habour ก็มีนะ
อยู่ตรงชั้น 3 ฝั่งตึก LCX ค่ะ ช้อปใหญ่เลย)
แต่ราคาแพงกว่าเกาหลีค่อนข้างเยอะค่ะ 10-15% เป็นอย่างน้อย
พี่มดยังไม่เคยได้ลอง เลยแนะนำไปหลายสิ่ง ดีใจที่เจ๊ชอบ และดูเหมือนชอบมากด้วย หมดไปเป็นหมื่นเลย
พนักงานที่นี่เค้าจะพูดย้ำๆว่า เราเป็นคนดูแลคุณเองนะคะ เราก็งงว่าทำไมต้องย้ำด้วย
แต่ก็เข้าใจเอาตอนที่เราหันไปถามพนง.อีกคนที่ยืนว่างอยู่ นางเมินใส่ แล้วชี้ไปที่พนง.ที่ดูแลเราตอนแรก
ประมาณว่า ก็ให้คนนั้นดูแลสิ! แล้วนางก็เมินหายไปเลย
อืม…ยอดใครยอดมันสินะ แต่ก็ควรบริการนิดนึงป่าว…เอาเถอะฮ่องกง กับจีนไม่ค่อยต่างกันมาก พอเข้าใจ..
ไม่มีการบริการที่ไหนจะดีเท่าห้างในญี่ปุ่นอีกแล้ว กล้าพูด..
วันนี้ได้มานิดหน่อย แต่ก็หมดไป 4,000 บาทได้ แพงกว่าเกาหลีเยอะอยู่นะ
อยากเอามาเล่นอีกหลายสิ่ง แต่เก็บไว้ก่อน ค่อยฝากซื้อที่เกาหลีอีกทีดีกว่า
.
.
จากนั้นก็จัดหนักกันที่ร้าน Hot Pot แสนไฮโซกันที่ Budaoweng Hotpot Cuisine
ร้านนี้อร่อยเทพมากๆ มีหลายสาขาค่ะ สาขาที่เราไปทานอยู่ชั้น 23 ของตึก iSquare
ราคาแพงไม่ธรรมดา แต่อร่อยล้ำจริงๆ เนื้อนุ่มอร่อยมาก หมูก็อร่อย มีซาชิมิหอยงวงช้างด้วย
แต่อย่างที่บอกข้างต้นว่าวาซาบิที่ฮ่องกงไม่ว่าร้านหรูแค่ไหน ทำไมมันไม่อร่อยเอาซะเลย
ถ้าได้วาซาบิสดๆนะ หืมมม…มันคงอร่อยล้ำเลยล่ะ
.
.
จากนั้นเราก็เดินเที่ยวเล่นกันไป วันนี้ฝนตกหนักมากๆ
เห็นไกด์บอกว่าเรดาห์ฝนขึ้นเป็นสีดำเลย คือวิกฤติมากๆ มีน้ำท่วมด้วย
เราเลยเดินเล่นในตึกกันแล้วก็กลับโรงแรมพักเอาแรง พรุ่งนี้ตื่นเช้าต่ออีกวันค่ะ
.
.
12 MAY 2014
วันนี้ตื่นตั้งแต่ 6 โมงครึ่ง รีบแพคกระเป๋าแล้วก็ลงมารอกันที่ล๊อบบี้เพื่อออกไปทานติมซำค่ะ
วันนี้มาในลุคสีส้มจี๊ด ไม่ค่อยเห่อนะ ของที่เพิ่งซื้อมา แกะกระจุยใช้เลยค่ะ 555 เบอร์ห้ามากๆ
ถ่ายภาพกันซักหน่อย
วันนี้ไปวัดกันต่อค่ะ ไปไหว้พระใหญ่ที่ Ngong Ping
ซึ่งพวกเรากังวลกันมากกลัวว่ากระเช้าจะปิด เพราะเมื่อวานอากาศไม่ดีเลย
แล้ววันนี้ก็ครึ้มๆอยู่เหมือนกัน แต่ไปถึงแล้วโล่งอก เพราะกระเช้าเปิดปกติ และไม่มีฝนค่ะ
แต่หมอกหนามากๆ ตอนนั่งกระเช้าขาขึ้น มองอะไรไม่ค่อยเห็นเท่าไหร่
แต่พักนึงหมอกก็ค่อยๆจางค่ะ มาเป็นช่วงๆ
อากาศค่อนข้างร้อนค่ะ แต่หมอกลงจัดมากๆ ทางขึ้นที่จะไปไหว้พระก็หมอกลงหนาจนตกใจ จะไปได้มั้ยเนี่ย
แต่พอเดินเข้าไปใกล้ๆ หมอกก็จางลง ค่อยๆเดินบันไดกันขึ้นไป
ซ้าย พุทธ ขวาโธ
เดินตั้งจิตกันขึ้นไปตามคำแนะนำจนถึงพระใหญ่ แล้วก็สวดตามคำแนะนำของพี่โอ๋ค่ะ
แต่ละคนบทสวดไม่เหมือนกัน ของเราเกิดวันพฤหัส พี่เค้าแนะนำให้สวดคาถาชินบัญชร 1 จบ
แล้วก็สวดคาถาเงินล้านค่ะ (เราสวด 9 จบพอดี)
ส่วนของพี่มดเกิดวันจันทร์ สวดพาหุง 1 จบ กับคาถาเงินล้าน ส่วนของพี่ตูนรู้สึกจะยาวสุด
วันอาทิตย์ สวดบทอิติปิโส 56 จบ
หลังจากสวดจบแล้วก็ค่อยเงยหน้าไปมองพระพักตร์แล้วก็อธิษฐาน 1 ข้อค่ะ
จากนั้นก็เดินลงมาพร้อมกับเหงื่อชุ่ม วันนี้ร้อนมากจริงๆ แดดแรงมากๆ
ขากลับฟ้าเปิด ได้เห็นองค์พระจากในกระเช้าด้วย
.
.
จากนั้นก็นั่งรถไปทานมื้อกลางวันกันที่ LEI GARDEN ที่สาขา Elements Mall ค่ะ
ห้างนี้เป็นห้างหรู ที่สถานี Kaoloon เลย
ตั้งแต่ทานมา เราว่าหมูแดง และหมูกรอบที่นี้อร่อยเวอร์มาก อร่อยมากจริงๆ
น้ำซุปไก่ยาจีน ก็อร่อยจนต้องขอเติม ร้านนี้แนะนำจริงๆค่ะ อร่อยทุกเมนูเลย
.
.
หลังจากอิ่มกันแล้ว ก็กลับไปช้อปกันต่อที่ Habour City ค่ะ
เป้าหมายของเรากับพี่มดก็คือที่เดิม 3CE กลับไปสอยในสิ่งที่เมื่อวานไม่ได้เอากลับมา
วันนี้มาที่ช้อปใหญ่ที่ LCX ค่ะ สาขานี้บริการดีกว่านะ แถมพนง.เดินมาทักเราด้วยว่า
You’re Beauty Blogger, right? แล้วก็ยิ้มๆ I saw your post!
โอ้ววว เขินเลย…
ได้กลับมาอีกคนละนิดหน่อย แล้วก็เดินเล่นกันแถวๆนั้นค่ะ
จากนั้นก็นั่งรถไปสนามบินกัน วันนี้อากาศดี รถไม่ติดด้วย
ไปถึงก็ซื้อขนมนิดหน่อยก่อนกลับค่ะ
ข้อควรระวังนิดนึงคือบางที Gate มันยังไม่ออก ก็ให้เดินเล่นอยู่ตรงกลางๆก่อน รอว่าเกทมันขึ้นว่าเกทไหน
ค่อยนั่งรถไฟไปค่ะ ไม่งั้นอาจจะไปผิดฝั่ง ตกเครื่องได้นะคะ
ขากลับคนเต็มลำเลย เรากลับไฟลท์ FD505 เครื่องดีเลย์เล็กน้อย เพราะการจราจรทางอากาศหนาแน่น
กับตันเอาเครื่องขึ้นไม่ได้ เลยดีเลย์ค่ะ แต่ตอนไปก็เร่งสปีดเต็มที่จนรู้สึกถึงแรงกดอากาศตอนเร่งสปีดขึ้นระดับ
อาหารวันนี้อร่อยมากค่ะ เป็นไก่คาราบาว และไก่อบ มาพร้อมลูกตาลลอยแก้ว อร่อยทุกเมนูค่ะ
อาหารเค้าดีกว่าที่คิดไว้จริงๆ แนะนำค่ะ ไม่ผิดหวัง…
.
.
จากทริปนี้ก็ช้อปไปไม่มากเท่าไหร่ มีได้นาฬิกา Baby G รุ่นของ Girls Gen
เราเห็นแว้บแรกก็ชอบเลย เรือนนี้ได้ที่ดอนเมืองค่ะ ได้มาแบบงงๆด้วย พี่มดกำลังเลือกอยู่
เลยเดือนไปดูด้วย เลยสะดุดกับเรือนนี้ ราคาเต็มๆมัน 4,050 บาท แล้วจัดโปรอยู่เหลือ 3,600 บาท
ซึ่งมีโปรซ้อนโปรของบัตร King Power Platinum ถ้าซื้อครบ 6,000 ก็ได้ลด 20%
เลยรวมบิลกันได้พอดี สรุปว่าเรือนนี้ได้มาที่ 2,800 บาทค่ะ ถูกกว่าในห้างครึ่งนึงเลย
นอกนั้นก็เป็นเครื่องสำอาง และขนมต่างๆ ส่วน 3CE มีคนขอเข้ามาเยอะมากให้รีวิว
เดี๋ยวบล๊อกหน้าๆจะจัดให้นะคะ
.
.
จบทริปนี้ไปด้วยรอยยิ้ม ต้องขอขอบคุณทาง Air Asia มากๆที่ชวนไปทริปบุญนี้และคอยดูแลช่วยเหลือตลอดทริป
เป็นทริปที่ดูแลดีมากๆค่ะ โปรแกรมแต่ละที่จัดเต็มมากๆ ทางไกด์ก็บริการดี ยิ้มแย้มตลอดค่ะ
และขอบคุณเพื่อนๆ พี่ๆร่วมทริปทุกๆคนที่ทำให้ทริปนี้เป็นทริปแห่งรอยยิ้มนะคะ ขอบคุณมากค่ะ
Picture Credit: ขอบคุณรูปภาพจากกล้องพี่ปูเป้ Pupesosweet , น้องทราย Mhunoiii, พี่มด Cinnamongal,
พี่ตูน Tuniez83 และน้องเอิ๊ก erkerk ค่า
Sponsored trip by
Categories: Dining & Traveling
ตามดูทริปนี้จาก IG น่าสนุกมาก ๆ
พี่แป้ง ชุดเอี๊ยมน่ารักมากๆคะ
เป็นทริปอิ่มบุญอิ่มท้องๆจริงๆอ่ะน้องแป้ง มีแต่อาหารหน้าตาน่าทานไปหมดเลย
แถมตอนไหว้พระเห็นบรรยากาศแล้วรู้สึกแอบขลังไปด้วย อยากมีโอกาสไปไหว้พระที่ฮ่องกงดูสักครั้งเหมือนกันเนอะ
แต่พี่ขอบล็อกรีเควสวิธีการจัดกระเป๋าเดินทางไปต่างประเทศของน้องแป้งละกันนะ อยากรู้เทคนิคการจัดเตรียมเสื้อผ้า-เครื่องสำอาง ของน้องแป้งแล้วล่ะเนียะ ^^
ได้เลยค่ะพี่นุ่น มีแฟนเพจหลายคนขอเข้ามาเหมือนกัน
รอๆๆ ^^
ดูรีวิวเที่ยว ช้อป กิน แล้ว อยากไปฮ่องกงบัดเดี๋วนี้จริงๆเลยค่ะ แพลนไว้ละ ต้องไปตามรอยทริปนี้ให้ได้ จดๆลิสๆเก็บข้อมูล(โดยเฉพาะร้านอาหาร555)
อร่อยมากๆๆๆๆ ทริปนี้เรื่องกินไม่เป็นรองใคร