กลับมาเที่ยวกันต่อ หลังจากพาไปเยี่ยมชม Dazaifu และ Yufuin ในตอนแรก

ในตอนนี้จะเป็นบันทึกการเดินทางในเมือง Beppu จังหวัด Oita

ซึ่งเมืองนี้เป็นเมืองแห่งบ่อน้ำร้อนค่ะ หลังจากนั้นก็กลับมาเดินเล่นกันต่อที่

Canal City ห้างสุดชิคกลางเมือง Fukuoka และพาไปช้อปกันต่อที่

Rilakkuma store ค่ะ

หลังจากเดินเล่นกันที่ Yufuin กันจนทั่ว ก็นั่งรถไฟไปกันต่อที่ Beppu ค่ะ

ใช้ JR Kyushu pass เช่นเคย นำไปแลกตั๋วขึ้นรถไฟขบวนแดง

จาก Yufuin ไป Beppu ใช้เวลาเดินทางโดยรถไฟขบวนเร็วประมาณ 1 ชม.ค่ะ

นั่งชิลๆ ชมวิวไปเพลินๆ แป้ปเดียวก็ถึงค่ะ

เมื่อถึงปุ้ปก็ออกเดินเล่นกันรอบๆเมืองต่อเลย

เมื่อออกจากสถานีก็เห็นเค้าปิดถึงกัน 1 บล๊อค มาโชว์รถเก๋ๆ ผลัดกันขับเล่น

และเมื่อเช้าก็มีขบวนแห่ซึ่งประกาศผลไปเมื่อช่วงเที่ยงที่ผ่านมา เราไปไม่ทันล่ะ

อ๊ะ…อาจจะมีคนสงสัยว่า กระเป๋าเดินทางล่ะ ไม่เกะกะเหรอ???

เราใช้บริการ Kuroneko YAMATO เป็นบริการส่งสัมภาระค่ะ

ทำเรื่องและจ่ายเงินที่ต้นทาง แนะนำให้ส่งของล่วงหน้าอย่างน้อย 1 วัน

เพราะเค้าใช้เวลาประมาณ 1-2 วันในการนำส่งของนะคะ

ค่าส่งก็ไม่แพง ขึ้นอยู่กับไซส์กะเป๋าค่ะ ถ้าไซส์ S-M ไม่เกิน 10 Kg ก็ราวๆ 1,600 เยนค่ะ

เดินเล่นมาเรื่อยๆ ก็มาถึง Kitahama Park เป็นสวนที่ติดกับชายฝั่งทะเล

และเป็นที่จอดเรือยอร์ชด้วย บรรยากาศดีมากๆ

โพล้เพล้แล้วก็แวะหาอะไรทานกัน ก่อนหน้านั้นขอแวะดูของกินในเซเว่นซักหน่อย

เราชอบไอติมนี้มากกก เริ่ดดดด 白くま อยากให้มีขายในไทยบ้างจัง

ถ้วยนึง 290 เยน ก็ประมาณ 90 บาทค่ะ

มื้อเย็นหาของกินแอบยากนะย่านนี้

ห้างก็ปิดไวมาก ทุ่มนึงก็ปิดแล้ว และวันนี้ก็เป็นวันอาทิตย์ ร้านส่วนใหญ่ก็เลยปิด

สุดท้ายก็เลยไปถามที่โรงแรมว่า แถวนี้ร้านอะไรอร่อย คนเยอะ และคนชอบทานกัน

ก็เลยได้ร้านนี้มา Ki Ippon 生一本 อยู่ตรง Motomachi

ไม่ไกลจากสถานี ร้านนี้เมนูเยอะ ไม่มีรูป ญี่ปุ่นล้วนๆ

เป็นร้านอิซากายะ หรือร้านเหล้าญี่ปุ่น เน้นเบียร์กับของย่างและนาเบะค่ะ

รสชาดเราว่าพอได้นะ แต่ไอ้ที่อึ้งมากคือ ไก่ย่าง เห้ย อร่อยเว่อร์มาก

(ในรูปซ้ายบน) มันหนังกรอบมาก แต่เนื้อยังนุ่ม และรสชาดดีไม่ต้องจิ้มไรเลย

หลังจากอิ่มอร่อยแล้วก็กลับที่พัก แช่ออนเซ็นกันค่ะ

จบไปอีกวันชิลๆที่ Beppu พรุ่งนี้ตื่นแต่เช้ามีโปรแกรมไปเที่ยวตามบ่อน้ำร้อนธรรมชาติ

เช้ามา ก็เดินไปขึ้นรสเมล์สาย 2 (2,5,9,41,43 ไปได้หมด) ที่สถานี Beppu

How to: เวลาขึ้นรถเมล์ที่ญี่ปุ่น พอขึ้นแล้วให้ดึงกระดาษมาค่ะ ซึ่งจะเขียนเลขเอาไว้

เวลาลงรถก็ดูป้ายว่า เลขของเรามีค่าโดยสารเท่าไหร่ ถ้าเหรียญไม่พอดี

ก็เดินไปแลกเหรียญหรือแลกด้วยแบงค์ที่เครื่องข้างคนขับค่ะ

นั่งไปประมาณ 20 นาที ก็ลงที่ป้าย Umi Jigoku mae  / Jigoku แปลว่านรกค่ะ

วันนี้จะมาชมนรกทั้ง 3 บ่อ (จากทั้งหมด 8 บ่อ)

แน่นอนว่าบ่อแรกที่เข้าชมก็คือ Umi Jigoku บ่อทะเลเดือด บ่อนี้ดังสุด

เพราะสีสันฟ้าสวย และสวนรอบๆก็บรรยากาศดี

ค่าเข้าชม 400 เยนเท่านั้นค่ะ หรือจะซื้อเหมา 8 บ่อ 2,000 เยนก็ได้

บ่อแรก Umi Jigoku คำว่า อุมิ แปลว่า ทะเล

ก็คงเป็นเพราะสีของน้ำเหมือนสีน้ำทะเลล่ะมั้ง จึงตั้งชื่อนี้ขึ้นมา

บ่อนี้มีมากว่า 1,200 ปีแล้วค่ะ ความร้อนเฉลี่ย 90 องศา และมีความลึกประมาณ 200m

ที่สีของน้ำเป็นสีฟ้าเนี่ย ก็เพราะว่ามีแร่ธาตุโคบอลต์อยู่จำนวนมาก

ข้างๆกันก็จะมีบ่อส้มๆแดงๆ บ่อเล็ก

ที่น้ำเป็นสีนี้ก็เพราะมีแร่ธาตุพวกเหล็กและแมกนีเซียมค่ะ

ของหายากในช่วยที่เราไป… SAKURA

แหม..มันช่างน่าเซ็งจริงๆ ปีนี้ซากุระที่คิวชูบานเร็วกว่าปีที่แล้วถึง 14 วัน

ทำให้ช่วงที่เราไปแทบไม่เหลือ เพราะฝนฟ้ากระหน่ำลงมาด้วย

ทำให้ซากุระโรยไว

ถัดมาไม่ไกลกัน ก็ไปชม Oniishibozu Jigoku

บ่อโคลนเดือด สวยงามไปอีกแบบ

ใครที่อยากไปชมแนะนำให้ไปเช้าๆเลยค่ะ เราไปช่วง 9 โมงนิดๆ คนโล่งมาก

ไม่มีทัวร์ลง แต่พอจังหวะที่กำลังจะกลับ รถทัวร์เยอะมากกกก น่ากลัวจริงๆ

บ่อสุดท้ายที่มาชมคือบ่อ Yama Jigoku

เป็นบ่อเขานรก มีน้ำร้อนไหลมาจากหิน และด้วยความที่บ่อไม่ได้สวยอะไรมากมาย

ก็มีสวนสัตว์เล็กๆให้ชมด้านใน ทั้งนกยูง ฮิปโป ช้าง ฟลามิงโก และลามะ

ลามะเฟรนด์ลี่สุดๆ วิ่งเข้าหาตลอด พอจะหยิบกล้องถ่าย ก็สู้กล้องด้วย

ตลกดีค่ะ

เห็นแล้วอยากไปเล่นกับอัลพาก้าบ้าง ฟูๆนุ่มๆ อยากเจอตัวจริงบ้างจัง

.

.

หลังจากเดินเล่นชมบ่อน้ำพุร้อนแล้ว ก็เตรียมตัวกลับไปฟุกุโอกะกัน

บ่อที่เหลือเราดูจากในเวบแล้ว ก็สวยค่ะ แต่ใช้เวลาเดินทางเยอะ

และไม่ได้โดดเด่นขนาดที่ต้องเสียเวลาอีกวันต่อ ก็เลยกลับดีกว่า…

ขากลับเรานั่ง Sonic รถไฟเร็วกลับค่ะ เท่ๆ เหล็กๆ (ต่างจากขามาที่เป็นไม้ๆ)

ยอมรับเลยว่า รถไฟที่คิวชูนี่สวยจริงๆ น่านั่งหลายสาย และมีเอกลักษณ์มากๆค่ะ

กลับมาถึง Hakata Station ก็ลงไปชั้นใต้ดิน พุ่งไปที่ร้านที่เล็งไว้

เป็นร้านข้าวผัดที่คนแน่นร้านมากๆ วันนี้ไปตอนบ่ายสอง คนก็ยังเต็มร้าน

เลยต้องนั่งรอประมาณ 30 นาที ก็ได้ทานค่ะ

ชื่อร้านคือ long hu dining

Set ที่เราสั่งมาเป็นราคาโปรพอดีเลย

เป็น Yanshu Chahan Set 850 เยน (ปกติจานเดี่ยวก็ 700 เยนแล้วค่ะ)

เซ็ทนี้ได้ซุปไข่ สลัด เต้าหู้ และข้าวผัด พร้อมชาเย็น

ขนมเป็นเต้าหู้เย็นคาราเมล

ขอบอกว่าข้าวผัดร้านนี้อร่อยมากกก หอมมากกก เต้าหู้เผ็ดไปหน่อย ทานไม่ค่อยได้เท่าไหร่

แต่รวมๆแล้ว อร่อยมากค่ะ ชอบเลย

ถัดไปคือเป้าหมายของเมืองนี้… Rilakkuma Store

ที่คิวชูมีอยู่แค่ที่เดียวคือ Fukuoka ค่ะ เย่…

ต้องไปลงที่สถานี Tenjin และเดินเข้าห้าง PARCO ขึ้นไปชั้น 8 ก็เจอเลยค่ะ

ส่วนสาขาอื่นๆดูได้ที่นี่

http://blog.san-x.co.jp/rilakkuma-store/cat89/

ในร้านและตามห้างญี่ปุ่นส่วนมากไม่ให้ถ่ายรูป เราก็อดไม่ได้ ขอกดหน่อย

รูปเลยไม่ได้ปรับแสงอะไร มืดนิดนึงนะคะ

กรี๊ดสุดๆ น่ารักทุกชิ้นเลย

เราชอบน้องคุมะหน้าร้านมากๆ หน้าตาต้อนรับแขกสุดๆ

น่ารักจัง…

10 ปีแล้วเนาะ ไวจริงๆ

ดีใจที่น้องหมีบูมขึ้นมากซักที

หลังจากนั้นก็กลับไปช้อปปิ้งกันที่ Canal City กันอีกซักวัน

ร้าน moomin น่ารักสุดๆ

มีตุ๊กตานั่งเป็นเพื่อนทุกโต๊ะเลย

.

เริ่มหิวแล้ว…หาอะไรทานดีกว่า

มองไปมองมา เอ๊ะมี Saboten นี่ แถมมีเซ็ท Spring Limited เลยเกิดอาการ อยากกิน…

จัดไป…

เมนูก็เหมือนๆของไทยค่ะ รสชาดก็พอๆกัน (ถ้าเทียบในวันที่เชฟไทยทำได้ตาม

มาตรฐานนะคะ) แต่เจ้า มากิคาซาเนะ ที่มีเฉพาะช่วงสปริงนี้ มันอร่อยสุดยอดดด!!!

ที่ไทยมีมั้ยนะ มันหอม อร่อยมากๆ

นอกจาก saboten แล้ว ร้านที่ใกล้ๆกันก็มีทาโกะยากิร้านดัง

Gindako ไหนๆก็มาแล้ว ขอชิมเทียบกับไทยหน่อยซิ

ความอร่อยใกล้เคียง ที่เอสพลานาดทำได้กรอบนอกมากกว่า

แต่ทาโกะเนี่ย ของไทยเรียกได้ว่าเป็นเศษทาโกะเลย

ที่นี่ชิ้นใหญ่มากๆค่ะ

พอตกค่ำ บรรยากาศก็ยิ่งชิลค่ะ

เดินเล่นรอบนอกห้างอยู่พักนึงก็นั่งรถไฟกลับกัน

ในวันพรุ่งนี้ จะเป็นบันทึกทริปที่ไปเมือง Kumamoto

เมืองที่หมีคุมะม่อนเต็มเมือง น่ารักสุดๆ และก็ไป Suisenji สวนที่สวยมากกกก

สวยติดอันดับ 1 ใน 3 ของสวนที่สวยสุดในญี่ปุ่นค่ะ

ติดตามกันต่อในตอนหน้านะคะ

To Be Continued….

.

ย้อนอ่านบทความท่องเที่ยวญี่ปุ่น ตอนอื่นๆได้ที่นี่