มาต่อกันที่ตอนจบค่ะ ในไดอารี่นี้จะพาไปเที่ยวกันที่จังหวัด Kumamoto
ซึ่งพอพูดถึงจังหวัดนี้ก็จะนึกถึง Kumamon อันดับแรกเลย 555 หมีเกลื่อนเมือง
นอกจากปราสาทคุมาโมโตที่ต้องไปแล้ว สวน Suizenji เราแนะนำมากๆ สวยมากจริงๆ
หลังจากเดินเล่นกันที่คุมาโมโตแล้วก็กลับมาหาของหรูๆทานกันที่ Fukuoka
เป็นการส่งท้าย มื้อนี้จัดเต็มกับเนื้อย่างอร่อยเทพๆ และของหวานสุดน่ารักค่ะ
ก่อนการเดินทางไป Kumamoto ช่วงเช้ามีเวลานิดหน่อย จำได้ว่าไม่ไกลจากที่พัก
มีศาลเจ้าสวยๆตั้งเด่นอยู่ “Fukuoka Daibutsu”
เราไปเช้าเกิน เค้ายังไม่เปิดเลยเดินดูรอบๆ ก็สงบดีค่ะ แม้ว่ารอบข้างเต็มไปด้วยตึกสูง
ภายในบริเวณศาลเจ้า ปลูกต้นไม้หลายชนิด หลากสี เสียดายที่มาไม่ทันซากุระ
ไม่งั้นคงสวยกว่านี้ ตอนที่ไปมันโรยหมดแล้วค่ะ
หลังจากนั้นก็ไปขึ้น Shinkansen กันค่ะ เส้นทาง Hakata – Kumamoto
ใช้เวลาประมาณ 40 นาที
ค่าตั๋วไม่เสีย เพราะใช้ JR Pass เช่นเคย คุ้มมากกก ต้องซื้อนะคะ!
ขบวนยาวมากๆๆๆๆ ดูที่ตั๋วดีดีนะคะว่าอยู่โบกี้ไหน ไม่งั้นวิ่งกันเหนื่อย
มาถึงสถานี Kumamoto แล้วค่ะ เจอป้ายน้อง Aso-boy! เป็นน้องหมา
มาสคอตของเมือง Aso และรถไฟสาย Aso-boy!
จริงๆก็น่าไปมากๆนะคะ แต่ได้ยินมาว่าตอนนี้ทางยังซ่อมไม่เสร็จดี จะเสียเวลาเดินทางเยอะ
ก็เลยตัดทริป Aso ออกไปก่อน
การเดินทางไป Kumamoto Castle ไม่ยากค่ะ แต่ต้องดวงดี กะจังหวะรถได้ดี
เพราะรถที่นี่สายไม่เยอะ ทั้ง Tram (รถราง) หรือรถบัส
ตอนที่เราจะไปที่ปราสาท ก็กะว่านั่งรถ Kumamoto Castle shuttle bus ไป
เพราะได้ยินว่าเดินใกล้สุดๆ แต่พอไปถามลุงที่ขับ Tram ที่สถานี ก็บอกว่า
Tram นี่แหละไป ใกล้ๆ เอ้า…งงเลย แต่พอเวลามันเร่งๆ ก็เลยเชื่อลุง
เพราะหาป้ายรถเมล์ที่บัสจอดไม่เจอ แล้วก็ถึงเวลารถออกแล้ว เลยขึ้น Tram กันไปค่ะ
ข้อควรระวังอีกอย่างคือ…รถรางที่นี่มี 2 สาย ให้ดูดีดีนะคะ ค่าโดยสาร 150 เยนต่อครั้ง
ลุ้นหลายทีมาก เพราะสองสายนี้ชอบอยู่คนละฟากถนน เวลาจะขึ้นรถ ก็ต้องรอไฟแดง
ซึ่งถ้าพลาด รอเงกค่ะ… 15-20 นาทีต่อคัน
เมื่อลงที่ป้าย Shiyakusho Mae แล้วก็เดินต่อไปอีกเป็นกิโลค่ะ ขึ้นเนินเขากัน
สองข้างเขียวชอุ่มด้วยต้นซากุระ T T จะบานเร็วไปมั้ยปีนี้เนี่ย!
ถึงแล้วค่ะ ทางเข้า Kumamoto Castle (熊本城)
เสียค่าเข้าคนละ 500 เยนค่ะ
ปราสาทแห่งนี้มีมายาวนานกว่า 400 ปี และมีการบูรณะใหม่ในปี 1960 ที่ผ่านมา
จุดเด่นของปราสาทคือ หิน และ ไม้ ที่ประกอบกันอย่างพิถีพิถัน
สวยงาม และใหญ่โตค่ะ
แนะนำให้ไปเช้าๆ นอกจากแสงที่ส่องด้านหน้าของปราสาทจะสวยกว่าแล้ว
ก็ยังไม่เจอกรุปทัวร์ลงด้วยค่ะ คนโล่งดีทีเดียวเลย
เขยิบมาอีกหน่อยก็เจอกับ Higomaru’kun วางไว้ให้ได้ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก
ขนาดสถานที่ประวัติศาสตร์ก็ยังมีมุมน่ารักๆได้ ชอบจริงๆ
ด้านข้างปราสาทก็มีจุดชมวิวเมืองอยู่ค่ะ แต่เราจะเดินไปก็เจอเจ้านกสองตัวนี้
กำลังกุ๊กกิ๊กกันอยู่ พอจะเดินเข้าไปก็ร้องใส่ เอ๊ะ! ยังไง ประมาณว่า นี่พื้นที่ชั้นนะ
นกที่นี่เยอะมากๆ แล้วก็คุ้นเคยกับคนมากๆค่ะ
โอเค๊…ชั้นถ่ายพวกเธอเป็น Prop ไปก็ได้ ก็น่ารักไปอีกแบบ
หลังจากสนุกสนานกับการถ่ายรูปแล้ว ก็ลงเขาไปต่อกันที่สวนที่ขึ้นชื่อว่า
สวยที่สุด 1 ใน 3 ของญี่ปุ่น “Suizenji Park” 水前寺成趣園
เราเห็นดอกไม้ชนิดนี้เต็มเมืองไปหมด รวมทั้งสลักอยู่ตามฝาท่อ สะพานต่างๆ
ดอก Tsubaki หรือเปล่านะ ไม่แน่ใจ
ตามสะพานมองลองไป ตกกะใจ…ปลาเต็มเลย น้ำใสกิ๊ง
การเดินทางไปสวน Suizenji เราก็นั่ง Tram ไปค่ะ ลงที่ป้าย Suizenji เลย
เดินต่อเข้าไปอีกนิดหน่อยก็ถึงแล้ว ที่นี่ไม่เจอทัวร์เลยนะคะ ชิลมากๆ
อัยย่ะ น้องคุมะม่อนมายืนต้อนรับ ชอบน้องหมีประจำจังหวัดนี่มากๆ
น่ารักจริงๆเลย
(คลิกเพื่อดูรูปที่ใหญ่ขึ้นได้นะคะ)
ภาพรวมของสวยแห่งนี้ สวยมากจริงๆ องค์ประกอบลงตัว
นอกจากสวนจะสวยแล้ว ในบ่อน้ำที่ใสกิ๊งนี้ ปลาอยู่เยอะมากๆค่ะ นางเอกของเรา
คือปลาตัวสีฟ้าขาว เหมือนเครื่องลายครามจีนนี่แหละ เพิ่งเคยเห็น สวยจริงๆ
นกตัวนี้ขี้อายเหมือนกันค่ะ ตลกดี พอเดินไปใกล้ก็จะเอาหัวซุกพงหญ้า
ทำเหมือนนกกระจอกเทศเลยอ่ะ
ปลาตัวนี้สีทองอร่ามเลย สวยมากๆ
สวนสวยมากๆ สัตว์ทุกตัวก็คุ้นเคยกับคน วิ่งเข้าหา แม้แต่ปลา ก็จะว่ายมาทักทายด้วย
เป็นสวนหนึ่งที่เราชอบที่สุดในญี่ปุ่นเลยค่ะ สงบ ร่มรื่น บรรยากาศดีมากๆ
เอาล่ะ ออกเดินเล่นกันต่อ ออกมาจากสวนก็จะเจอกับร้านค้าสองฝั่ง รวมถึง
เจ้าคุมะม่อนตัวนี้ยืนยิ้มแป้นอยู่ด้วย ขอหยิกแก้มทีนะ
สินค้าที่ระลึกรูปแบบต่างๆ บ้านเราก็โดนไปตามระเบียบ
ได้ถุงน้องคุมะมาเพิ่มในคอเลคชั่นค่ะ
ดอกไม้ริมทางยังสวยเลยเมืองนี้ ปลูกกันเต็มเมืองไปหมด
หลังจากนั้นก็นั่ง Tram มาหาอะไรทานกันที่ถนนย่านกลางเมือง เป็นศูนย์รวมการ
ช้อปปิ้งของย่านนี้ค่ะ ลงที่ป้าย Suidōchō
ย่านนี้ของช้อปปิ้งเยอะแยะ ส่วนมากเป็นร้านเสื้อผ้า และมีร้านขายยาด้วย อิอิ
สองร้านราคาไม่เท่ากันค่ะ ต้องเดินเทียบกันหน่อยนึงนะคะ
เพราะที่เราซื้อมา ร้านนึงลด 30% อีกร้านลด 20% ค่ะ
และก็เข้าไปเดินในห้างพักนึง มีร้านค้าเสื้อผ้าแฟชั่นไม่มาก
สิ่งที่หอบกลับมาเยอะคือถุงน่องลายต่างๆ กับถุงเท้าที่เป็นลูกไม้ เมืองไทยไม่มีสวยๆเลย
ที่ญี่ปุ่นนี่ตรึมมาก ยังอยากกลับไปซื้ออีก ><
ตกเที่ยงก็ไม่รู้จะกินไหนดี ตอนแรกว่าจะหา Kumamoto Ramen
แต่คิดอีกที ก็กินราเมงมาบ่อยละ มองแว้บไปเห็นร้านนี้
คนเดินเข้าออกตลอด เลยเริ่มสนใจ สุดท้ายก็เดินตามกลุ่มคนเข้าไป
เป็นร้านเล็ก (มาก) ที่ขายยากิโซบะ กับโอโคโนะมิยากิ (พิซซ่าญี่ปุ่น)
อ๊ะ…อยากกินพอดี เราเป็นคนชอบยากิโซบะมากๆค่ะ
ร้านนี้ให้ผัดเองด้วยล่ะ สนุกสนานกันไป
มองป้ายราคาก็ตกใจ ทำไมถูกจังงงงงงงง
680 – 800 เยนเองอ่ะ
รสชาดดีค่ะ อร่อยทีเดียว ได้ผัดเองร้อนๆอีก
ไม่แปลกใจทำไมคนเยอะ มีคิวตลอด ไม่แพงแล้วก็โอเคทีเดียวค่ะ
หลังจากเดินเล่น และอิ่มอร่อยกันแล้ว ก็ได้เวลากลับ Fukuoka ค่ะ
ก่อนกลับก็แวะช้อปน้องคุมะม่อนซักหน่อย
แกงกะหรี่ก็มีนะคะ มีทุกอย่างจริงๆคุมะม่อน
ใครที่อยากช้อปก็ไม่ต้องไปไกลค่ะ เราซื้อกันที่สถานี JR Kumamoto นี่แหละ ร้านใหญ่เลย
.
.
หลังจากนั้นก็นั่งรถไฟกลับค่ะ แล้วก็แวะเดินห้างแถวๆ Hakata
ที่สถานีนี้บริเวณชั้น 9, 10 เป็นโซนร้านอาหารเริ่ดๆ หลายร้านดังๆก็อยู่ที่นี่ค่ะ
และแน่นอนว่า มื้อเย็นวันนี้ขอเป็นเนื้อย่างแบบ Special ซักหน่อย
ร้านที่เลือกเข้าในครั้งนี้คือร้าน Yakiniku Champion ค่ะ
ร้านนี้มีอยู่ไม่กี่สาขา สาขาหลักอยู่ที่โตเกียวค่ะ และที่ฟุกุโอกะก็มีเช่นกัน เย่
ราคาแพงพอสมควรค่ะ แต่ก็ใช้เนื้อคุณภาพดี
ขอเล่าหน่อยว่าตอนแรกเดินวนๆอยู่กับอีกร้านนึง ซึ่งเห็นว่าเป็นเนื้อเหมือนกัน
แต่เอ๊ะ…เนื้อมันสีเข้มๆ แปลกๆนะ ดูเมนูแล้วก็น่าทานแฮะ แต่เค้าเน้นเป็นเนื้อดิบด้วย
สรุปว่ามันไม่ใช่เนื้อวัวค่ะ เป็นเนื้อม้า ต้องระวังกันนิดนึง เพราะที่ฟุกุโอกะ เนื้อม้าเค้าดัง
เข้าไปก็จะมีเมนูทั้งภาษาอังกฤษและญี่ปุ่นค่ะ
ส่วนเนื้อต่างๆ จะมีแค่ญี่ปุ่นค่ะ ใครอยากทานส่วนไหนก็จิ้มเอาได้เลย
ที่ร้านนี้เค้าขายเป็นชิ้นค่ะ 1 จาน 6 ชิ้น หรือ Half ก็ 3 ชิ้นค่ะ
ราคาตามภาพเลย
เราขอให้เค้า Recommend มาให้ แน่นอนว่าไม่พลาดส่วน Zabuton
เป็นเนื้อส่วนที่ฮิต และดีที่สุดส่วนหนึ่ง (เนื้อส่วนไหล่ด้านล่าง)
อร่อยมากกกก นุ่มมาก แต่ไม่นุ่มเกินไปจนขาดความเป็นเนื้อ
และ Jo Karubi (Special Kalbi) แนะนำว่าห้ามพลาดค่ะ อร่อยมากเลย
ด้านราคาก็เงิบอยู่เหมือนกัน คำนึง ตก 200 บาท แพง แต่อร่อยน้ำตาไหลเลยล่ะ
ถ้วยนี้เป็น Signature dish ของเค้าค่ะ เป็นเนื้อตุ๋นเผ็ดๆหน่อย
ก็อร่อยดีนะคะ
ในที่สุดเนื้อก็มาแล้ว เย่…….
สไลด์บางพอประมาณ เนื้อดีมากๆเลยค่ะ
หลังจากอิ่มจากเนื้อย่างแล้ว ตอนที่เดินหาร้าน ก็แว้บไปเห็นร้านขนมร้านนึง
น่ารัก น่าทานมากก แต่ราคาก็แรงมากเหมือนกัน
มาเที่ยวทั้งที ขอลองซักหน่อยแล้วกันค่ะ
“Campbell Early”
หน้าร้านตกแต่งสวยงามด้วยผลไม้สด เราไปขอเค้าซื้อสตอเบอร์รี่ด้วยค่ะ
พอถ่ายรูปลงใน Instagram เพื่อนก็บอกว่า เห้ยนี่ของสวนดังเลยนะ
อร่อยแน่นอน…
บ้านเราโดนดึงดูดด้วยป้ายเมนูนี้หน้าร้านค่ะ
จานนี้ 1,300 เยน ก็ตก 400 บาทเลย แพงแฮะ แต่ได้สตอเบอร์รี่หวานๆ สดๆ เอ้าาา…ลอง
แล้วก็ไม่ผิดหวังค่ะ
มาเป๊ะๆตามรูปหน้าร้านเลย อร่อยมากค่ะ แป้งแพนเค้ก หอมนุ่ม
สตอเบอร์รี่หวาน สด หอมมากๆ
และสุดท้ายก็ซื้อสตอเบอร์รี่กลับไปทานต่อกันที่ห้องพักค่ะ
ชิลมากๆ หอมหวานมากๆ ยังไม่อยากกลับเลย
เมืองนี้มีแต่ของอร่อยจริงๆ ใครที่ไปโตเกียวกันจนทั่วแล้ว
ลองลงมาเที่ยวที่เกาะทางใต้อย่าง Kyushu บ้างนะคะ บ้านเมืองเค้าน่ารัก
คนใจเย็น ไม่เร่งรีบ ไม่วุ่นวาย แสงสีอาจจะไม่มาก แต่ก็เป็นเมืองที่สงบและน่าอยู่
สมกับที่ Fukuoka ได้รับการโหวตว่าเป็นเมืองที่น่าอยู่ที่สุดใน ASIA
.
.
แล้วพบกันใหม่ทริปหน้าค่ะ
เดือน กค นี้มีแพลนว่าจะไปชมทุ่งสวนดอกไม้ที่ Hokkaido แต่ยังติดปัญหาเรื่องตั๋วอยู่
เต็มตั้งแต่ไก่โห่ ก็ต้องรอลุ้นต่อไปว่าจะได้กลับมาเขียนทริปไดอารี่ให้ได้อ่านกันหรือเปล่า
See you next trip ka
.
ย้อนอ่านบทความท่องเที่ยวญี่ปุ่น ตอนอื่นๆได้ที่นี่
Categories: Dining & Traveling
3 replies »