เที่ยวนางาซากิ DAY 2 : ชมซากุระที่เมืองซาเซโบะ, ล่องเรือที่ Kujukushima, ฟินยันค่ำที่ HUIS TEN BOSCH

 

บล๊อกวันที่ 2 ของการเดินทางในนางาซากิมาแล้วค่าา

ในวันนี้เราออกเดินทางจาก Unzen 雲仙  เพื่อไปยังเมือง Sasebo 佐世保 (ซาเซโบะ)

ล่องเรือชมวิวในอุทยานแห่งชาติ Kujukushima 九十九島 (คุจูคุชิม่า) เกาะกลางทะเลที่สวยที่สุด

ในญี่ปุ่น ที่มีมากถึง 208 เกาะ จากนั้นก็ไปชมวิวมุมสูงกันต่อที่ Sakai National Park 西海国立公園

และฟินเต็มอิ่มกับเทศกาลดอกทิวลิปที่ HUIS TEN BOSCH อยู่ยาวๆจนถึงค่ำเพื่อดู illumination

ที่สวยที่สุดในญี่ปุ่นเลยนะ อลังมาก! Ranking No.1 มา 5 ปีซ้อนแล้ว (2013-2017)

พร้อมกันแล้ว ออกเดินทางกันต่อเลยค่ะ!

จากโรงแรมที่พักใน Unzen (อุนเซ็น) ระหว่างทางไปยัง Kujukushima (คุจูคุชิม่า) จะเห็นทิวซากุระ

แน่นเต็มตลอดทาง และจุดที่แน่นและคึกคักอีกจุดก็คือ

Tachibana Shrine 橘神社  (ศาลเจ้าทะจิบานะ)

MAPS: https://goo.gl/maps/EtGaFPSjpep

ช่วงที่เราไป ( 3 เมษายน 2018) มันร่วงไปเยอะมากแล้ว เสียดายมากจริงๆ แต่ขนาดร่วงไปเกือบหมด

ก็ยังได้วิวที่สวย ด้านหลังของสะพานแห่งนี้ ก็มีงาน Matsuri ออกร้านค้าด้วยล่ะ

แต่เรามาช่วงเช้า คนไม่มีเลย เดินเล่นถ่ายรูปได้ง่ายมากๆ

 

จากศาลเจ้า ขับต่อไปเรื่อยๆ ประมาณชั่วโมงนิดๆ ก็จะถึงจุดล่องเรือค่ะ

Kujukushima Pearl Sea Resort (คุจูคุชิม่า) 九十九島パールシーリゾート

MAPS: https://goo.gl/maps/SEAppjv7uTM2

ที่นี่คึกคักด้วยนักท่องเที่ยวทั้งคนญี่ปุ่นที่มักพาเด็กๆมาทำกิจกรรม ล่องเรือ พายเรือ

ชมสัตว์น้ำ หรือถ้ามาตรงช่วงเทศกาลก็มีเทศกาลอาหารทะเลสดๆด้วย

ใครอยู่ยาวๆ ก็มีทั้งโรงแรม รีสอร์ทให้พักด้วย เป็นอีกจุดที่คนญี่ปุ่นนิยมมาพักผ่อนกันค่ะ

ในช่วงเดือนพฤษภาคมนี้จะมีเทศกาลหอยนางรม ทุกวันเสาร์ อาทิตย์ ต้องติดตามในหน้าเว็บอีกที

https://www.pearlsea.jp/english/

 

ที่นี่มีเรือหลายแบบให้เลือก ของเราขอสวยๆด้วยการ Cruising แล้วกัน

หรือใครอยากชมวิวแบบส่วนตัวก็เลือกนั่งเรือยอร์ชก็ได้ ถ้าอยากออกกำลังกาย ก็เลือกพายเรือคายัค

สำหรับเรือใหญ่ที่นี่มี 2 ลำให้เลือกค่ะ สีขาวที่เรานั่งคือ Pearl Queen ให้อารมณ์หรูหรา

ส่วนอีกลำสีแดงสดเป็นเรือโจรสลัด Mirai ลำนี้เด็กๆเต็มลำเลย

ก่อนขึ้นเรือ ขอเต็มเสบียงซักหน่อย ด้วย SASEBO BURGER 佐世保バーガー (ซาเซโบะเบอร์เกอร์)

เบอร์เกอร์ยอดนิยมของนักท่องเที่ยว ที่มานางาซากิ ก็ต้องลองซักครั้ง!

ร้านยอดนิยมก็มี Hikari ที่ตั้งเด่นอยู่ริมถนนคนเยอะตลอดเวลา

แต่ถ้ามาล่องเรือที่นี่ ก็พุ่งตัวไปที่ร้านลัคกี้ได้เลย อยู่ติดกับท่าเรือ วิวดี๊ดี

SASEBO BURGER LUCKY’S (佐世保バーガー★ラッキーズ)

MAPS : https://goo.gl/maps/nfDQGnqKEet

 

ที่หน้าร้านของ SASEBO BURGER ของแท้ จะมีคาแรกเตอร์ที่ชื่อว่า Burger Boy ตั้งอยู่

หากไม่มี ก็แสดงว่าไม่แท้นะจ้ะ

ว่าแต่ซาเซโบะเบอร์เกอร์ คืออะไร? 

ถามทางร้านมา เค้าบอกว่าจุดต่างของ SASEBO BURGER คือ เป็นเบอร์เกอร์ที่ทำสด

เป็น REAL BUEGER ที่คนที่ทานจะต้องอิ่ม และได้ทานอาหารสดๆ

ดังนั้นพอเราออเดอร์แล้ว เค้าจะค่อยทำ ใช้เวลาราวๆ 10-15 นาที

วัตถุดิบทั้งหมดจะเป็นของในประเทศญี่ปุ่น และอีกจุดนึงก็คือ ปริมาณที่แน่น

แม้กระทั่งอันเล็กสุดที่เราออเดอร์มา ก็ใหญ่มากจนอิ่ม (พวกฝรั่งนิยมสั่งแบบจัมโบ้นะคะ)

 

สั่งแล้วก็นั่งรอประมาณ 10 นาทีค่ะ ได้เบอร์เกอร์สดใหม่ หอมมากๆ สามารถนำมาทานนอกร้านก็ได้

หรือจะหิ้วไปทานบนเรือก็ได้เช่นกัน

 

ได้เวลาขึ้นเรือแล้ววว…

ของเรารอบ 11:00 ตรง ใช้เวลาล่องเรือชมเกาะร้างประมาณ 1 ชั่วโมงค่ะ

ค่าล่องเรือแบบ Crusing 1,400 เยนต่อคน

ตลอดการเดินทางจะมีบรรยายเป็นภาษาญี่ปุ่นและภาษาอังกฤษตลอดทาง ฟังเข้าใจได้ง่ายๆ

Kujukushima 九十九島 ในภาษาญี่ปุ่น แปลว่า “99 เกาะ”

แต่จริงๆเกาะที่บริเวณนี้มีมากถึง 208 เกาะ ซึ่งส่วนมากเป็นเกาะร้าง มีเกาะที่มีคนอาศัยอยู่จริงๆ

เพียงแค่ 4 เกาะเท่านั้น และเป็น Movie Spot ของเรื่อง The Last Samurai ด้วย

 

ถ่ายรูปเพลินจนลืมเวลา วิวรอบๆสวยมากๆ เกาะเล็ก เกาะใหญ่เต็มไปหมด

ล่องเรือเสร็จก็ขับรถแวะไปร้านที่คนท้องถิ่นแนะนำมา

เพื่อไปทาน “LEMON STAEK” อีกเมนูดังของจังหวัดนางาซากิ

ที่หลายๆคนได้ลองก็ต้องติดใจกลับไป (เราด้วย บอกเลย อยากกินอีกทีมากกกก)

ร้าน Jidaiya 時代屋 (จิไดยะ)

MAPS: https://goo.gl/maps/Y4eGdwtuoew

ร้านนี้มีเมนูดังคือ LEMON STEAK ที่มีวิธีการทานแบบเฉพาะตัว

เลม่อนเสต็ก คือเสต็กเนื้อนางาซากิสไลด์บาง แล้ววางบนจานร้อน

เนื้อจะสุกแค่ด้านเดียวตอนเสริฟ ซึ่งจะให้ลูกค้าพลิกอีกด้านก่อนทาน

ซ้อสคือทีเด็ดของเมนูนี้ มีความหวาน ความเปรี้ยว เข้มข้นกำลังดี ทานได้เรื่อยๆ

เราติดใจซ้อสมากๆ ไม่รู้จะหาทานได้ที่ไหนอีก โตเกียวก็ไม่เจอเลย (ใครเจอเมนูนี้ที่โตเกียวบอกที)

 

 

ขั้นตอนการทาน LEMON STAEK

เริ่มจากการทานเนื้ออย่างเดียวก่อน

จากนั้นทานพร้อมข้าว

แบ่งสัดส่วนให้ข้าวเหลือซักหน่อย แล้วเทข้าวผสมกับน้ำซ้อส

 

เด็ด เด็ด เด็ด!!! อยากกินอีกจริงๆ เป็นเมนูที่เราชอบมากกก

ยิ่งตอนเอาข้าวไปผสมกับซ้อส นี่แบบ… โอ้ยยย อร่อยอ่ะ ชอบ!

นี่เขียนไปน้ำลายไหลไป อยากกินอีกจัง

 

เมนูนี้เราสั่งเนื้อเยอะพิเศษ อยู่ที่ 1,800 เยน (ถ้าแบบธรรมดา 1,100 เยน)

อิ่ม ฟินมากกก

อ้อ…ตอนที่เราไป Huis Ten Bosch เราเห็นเมนูนี้ในร้าน Pepper Lunch ด้วยนะ

แต่ไม่รู้ว่าน้ำซ้อสจะอร่อยเท่าที่จิไดยะนี้หรือเปล่า อยากให้ในไทยมีบ้างจัง น่าจะขายดีนะ

 

อิ่มท้องกันแล้วก็เดินทางกันต่อ ด้วยเวลาที่เหลือเพราะยังเป็นแสงเที่ยงอยู่ ถ่ายสวนดอกไม้ยังไม่สวย

ก็เลยขับไปชมวิวมุมสูงบริเวณอุทยานแห่งชาติซากาอิ

Sakai National Park 西海国立公園

MAPS : https://goo.gl/maps/w6WhgxLRtg62

 

 

เดินเล่นบนสะพานชมวิว มองเพลินๆจะเห็นน้ำวนด้วยล่ะ ก็เป็นสิ่งที่แปลกดี ไม่ค่อยได้เห็น

น้ำทะเลสีสวย ใสมากๆ

ซากุระมีอยู่ทุกที่ ช่วงกำลังปลิวสวยๆ

 

ชมวิวกันเสร็จแล้วก็ได้เวลาขับรถกันต่อเพื่อไปยังจุดหมายหลักของทริปนี้ก็ว่าได้

“HUIS TEN BOSCH” ハウステンボス เฮาส์เทนบอช

MAPS: https://goo.gl/maps/GmtWsqUX2Ys

HP: http://english.huistenbosch.co.jp

ภาษาไทย http://thailand.huistenbosch.co.jp

ธีมปาร์คที่ได้แรงบันดาลใจจากเมืองสวยๆ ดอกไม้สวยๆที่ฮอลแลนด์

เราตั้งใจที่จะมาถ่ายรูปที่นี่มากๆ เพราะเห็นหลายๆคนมาที่นี่ ฟินกลับไปทุกคน

เป็นปาร์คที่สวย ลงทุนมากๆ ดอกไม้มีการเตรียมการตลอด ช่วงที่เราไปตรงกับเทศกาลดอกทิวลิปพอดี

(ช่วง ก.พ. – เมษา) ดอกทิวลิปหลากสี มากกว่า 700 สายพันธุ์นับร้อยล้านดอก สวยมาก อลังการมาก

ช่วงกลางคืนก็จะมี illumination ที่สวย อลังสุดๆ ตื่นตาตื่นใจมากๆค่ะ

ที่ Huis Ten Bosch มีเทศกาลตลอดปี แนะนำให้เช็คล่วงหน้าค่ะ

http://english.huistenbosch.co.jp/events/?mode=event&Type=1

ในเดือนหน้า 12 May – 3 June จะเป็นเทศกาลดอกกุหลาบ กว่า 120 ล้านดอก เล่นใหญ่มาก

หอมไปทั้งสวนแน่นอน

การเดินทาง

สามารถใช้ JR Kyushu Pass ได้นะคะ และตอนซื้อตั๋วก็อย่าลืมแสดงพาสให้เจ้าหน้าที่ดูด้วยค่ะ

เพราะมีส่วนลด 5-10% ด้วย

 

 

 

เดินเข้ามาด้านในสุด จะเป็น Palace Huis Ten Bosch ค่ะ บริเวณนี้เสียค่าเข้าเพิ่ม 700 เยน

แต่คุ้มค่ะ จัดสวยมาก คนน้อย และตอนกลางคืนเราก็เข้ามาดูโชว์ได้ด้วย ซื้อแค่ครั้งเดียว เข้าได้เรือยๆ

 

ใครอยากเที่ยวแบบทั่วๆ แนะนำเช่าจักรยานเลยค่ะ มีทั้งแบบนั่งคนเดียว สองคน ไปจนถึง 6 ที่นั่งก็มีนะ

เห็นหลายคนปั่นแล้วน่ารักดี ที่สำคัญที่นี่ค่อนข้างกว้างเลยทีเดียวค่ะ

รถทุกคันที่เห็นจอดในปาร์คนี้ จะหน้าตาเป็นรถสไลต์ยุโรปโบราณหมดเลยค่ะ

ไม่ขัดกับบรรยากาศ มีหลายแบบเลยนะ น่ารักมากๆ

ใครเดินไม่ไหว ก็มีเรือฟรีให้บริการค่ะ วิ่งรอบๆสวน

บริเวณท่าเรือก็สวยมากๆเลยนะ วิวดี อากาศดีมากๆ มีคนมานั่งชิลๆ นั่งปิคนิคกัน

แต่อีกหนึ่งอย่างที่กำลังฮอตสุดๆตอนนี้ก็คือ Floating Hotel ครั้งแรกของโลก

โรงแรมลอยน้ำ ชมวิวได้ จะเปิดให้บริการช่วงซัมเมอร์นี้

ขึ้นมาชมวิวกันที่ทาวเวอร์ เห็นบริเวณรอบๆของสวนทั้งหมด

ในคืนนี้เราพักที่โรงแรม NIKKO HUIS TEN BOSCH อยู่ข้างๆสวนค่ะ

มองจากด้านบนก็เห็นโรงแรมชัดเจน มีทางเข้าออกสำหรับแขกโรงแรมโดยเฉพาะ

จะเข้าออกสวนกี่ครั้งก็ได้ สะดวกมากๆ

พอตกเย็น แสงเริ่มหมด ก็เข้าไปเช็คอิน และทานมื้อเย็นกัน

วันนี้ที่จองไว้เป็นคอร์ส Steak เนื้อ Nagasaki Wagyu ค่ะ

NIKKO HUIS TEN BOSCH

HP: http://www.nikko-htb.co.jp

คืนนี้พักห้องแบบ Jr. Suite คนละ 31,700 เยน

ถ้าห้องแบบธรรมดาก็จะอยู่ที่ราวๆคนละ 10,200 เยน

ห้องพักเต็มไวนะคะ วันที่เราพักก็เต็มทุกห้องเลย ต้องจองล่วงหน้าซักหน่อย

 

เช็คอินเรียบร้อยก็ไปทานมื้อเย็นกันค่ะ

ใครจะทานที่ในสวนก็มีหลายร้านอาหารนะคะ แต่มาพักที่นี่ทั้งที

ต้องทาน! เพราะอาหารของโรงแรมนี้อร่อย

ทั้งมื้อเย็น และมื้อเช้า บอกเลย อร่อยจริงๆ เชฟที่นี่ทำอาหารอร่อยมาก วัตถุดิบดี สดใหม่

มื้อเย็นที่ห้องอาหาร Ajisai มีหลายเซ็ทให้เลือกค่ะ

เราเลือกเซ็ทเสต็กหินร้อนเนื้อวากิวนางาซากิ ราคา 6,000 เยน

ถ้าเลือกเป็นเนื้อวากิวธรรมดาจะอยู่ที่ 5,000 เยน หรือถ้าเป็น Sukiyaki ก็จะอยู่ที่ 4,500 เยน

ปลาดิบรวม 3,000 เยน

ที่สุดๆๆๆๆๆ อร่อยมาก ย่างเนยบนหินร้อน ฉู่ฉ่าขั้นสุด

เนื้อด้านนอกเกรียมเล็กน้อย ด้านในเกือบสุก อร่อยมากค่ะ

 

ปิดท้ายด้วยไอศครีมซากุระ

 

 

พออิ่มแล้วก็ออกไปชม illumination กันต่อ ที่นี่ขึ้นชื่ออยู่แล้วเรื่องความทุ่มทุน

เห็นรูปในเว็บไซต์แล้วคาดหวังมาก แต่พอไปถึงที่จริง เกินนนนนไปมากก เกินความคาดหวังมาก

สวยมากจริงๆ ตื่นตาตื่นใจสุดๆ ทุกที่เล่นใหญ่มากๆ

สมกับได้รับรางวัล JAPAN BEST illumination อันดับ 1 ถึง 5 ปีซ้อน (2013-2017)

ในปีนี้เราว่าก็น่าจะครองแชมป์ล่ะ เราก็สาย illumination เหมือนกัน ไปมาหลายที่ ที่นี่สวยสุดจริงๆ

และไฮไลท์อีกอย่างที่ไม่อยากให้พลาดคือ 3D Projection Mapping ที่จะจัดที่สวนด้านในสุด

Palace Huis Ten Bosch ซึ่งใช้เวลาเดินจากหน้าสวนไปที่นี่ราวๆ 15 นาที ควรเผื่อเวลานะคะ

โชว์สั้นๆเพียง 7-10 นาทีเท่านั้น มีช่วง 19:00, 20:00, 21:00 แค่นั้น

มีค่าตั๋วเข้าบริเวณ Palace ด้วย ดังนั้น ควรซื้อไว้ตั้งแต่ช่วงบ่ายๆค่ะ บริเวณนี้จัดดอกไม้สวยมาก

ซื้อตั๋วแค่ครั้งเดียว ก็สามารถเข้าชมได้ตลอด

สวยมากจริงๆค่ะ ประทับใจมาก

งาน illumination ไม่ได้จัดตลอดทั้งปีค่ะ จะมีแค่ช่วงเดือน พฤศจิกายน ถึงต้นเดือนพฤษภาคม

เช็คงานอีเว้นท์ได้ที่หน้าเว็บค่ะ

 

เราอยู่จนสวนปิด (ที่นี่ปิด 22:00) คนไม่ค่อยเยอะเลยอ่ะ ทั้งๆที่โรงแรมรอบๆเต็มนะ

สวนเค้ากว้างมากจริงๆ รองรับนักท่องเที่ยวได้เยอะมาก แนะนำค่ะ มาแล้วไม่ผิดหวังแน่นอน

แต่ต้องเช็คตารางอีเว้นท์กันก่อนนะคะว่าช่วงที่มาตรงกับเทศกาลอะไรบ้าง

ขากลับเข้าโรงแรม ก็จะเจอกับร้านค้าใต้โรงแรม ห้ามพลาดเลย “คุ้กกี้ช็อคโกแล็ตชีส”

รอบก่อนได้รับเป็นของฝากแล้วติดใจมาก อร่อยมากกก ด้านนอกก็เป็นคุกกี้กรุบๆ

ด้านในเป็น  White chocolate ผสม Cheese ค่ะ

แต่จริงๆของที่ดังมากๆของร้านที่นี่คือ Kass Cake ค่ะ แต่อายุการเก็บมันแค่ไม่กี่วัน เรากินไม่ทันแน่ๆ

เลยไม่ได้ซื้อกลับมา ใครมาที่นี่ก็ลองซื้อทานกันดูนะ อร่อยจริงๆ

 

จบอีกหนึ่งวันที่ฟินนนนนนมากกกกก

ได้มาสมใจแล้ว ไม่ผิดหวังจริงๆ ใครที่ชอบดอกไม้ ชอบดู illumination แนะนำจริงๆค่ะ

สมกับเป็น JAPAN’s No.1 Illumination ถึง 5 ปีซ้อนจริงๆ

 

ในวันถัดไป เราจะไปเช่ากิโมโนเดินเล่นในเขตเมืองเก่า 

ทานอาหารดังของนางาซากิ และขึ้นไปชมวิวยามค่ำคืน TOP 3 สวยที่สุดในโลก

รออ่านได้ในบล๊อกถัดไปนะคะ

 

 

อ่าน Blog ของวันอื่นๆได้ที่นี่

2 replies »

  1. คุณแป้งสวัสดีครับ ขออนุญาตสอบถามเดรสลายจุดขาวดำชุดนี้สวยมาก
    ไม่ทราบว่าซื้อจากไหนครับ ขอบคุณครับ

    • ซื้อใน IG อ่ะค่ะ จำได้ว่าเค้าก็หิ้วมาจากแพลตตินั่มอีกทีค่า

Leave a Reply