ผมทรงใหม่ และ ประสบการณ์ใหม่ๆที่เพิ่งผ่านมา

เมื่อวันอังคารไปตัดผมมาใหม่ค่ะ เนื่องจากผมมันเริ่มแห้งๆ ชี้ฟู เลยตัดออกดีกว่า ร้านที่ไปก็ร้านเดิมร้านประจำ ถ้าเรื่องตัดนี่ต้องยกให้ริวเลย เราชอบมาก ตัดดี ตัดละเอียดมากๆ ไปครั้งนี้ได้แค่ตัดกับทรีทเม้นท์ เพราะไปก็ดึกแล้ว รอบหน้าค่อยลงสีแล้วกัน ทรงเดิมจะเป็นบ๊อบตรง เน้นวอลุ่ม ตัดหน้าม้าแบบทรงหวใจ ทำให้คิ้วดูโก่งนิดๆ ผ่านไป 3 เดือน ผมเริ่มยาวก็เป็นแบบนี้ ปัญหาคือ ปลายผมแห้ง ขาดการบำรุงที่ดี รอบนี้ที่ไป ริวเลยบังคับทำทรีทเม้นท์ก่อนเลย ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ของเค้าเป็นของ Caretrico อยู่ในไลน์ของ ARIMINO ร้านญี่ปุ่นดังๆมักใช้ยี่ห้อนี้แหละ เราใช้เซรั่มเค้าแล้วชอบ ซื้อกลับบ้านมาใช้เลย หลังจากอบทรีทเม้นทืเสร็จก็ลงมือตัดๆซอยๆ ริวใช้ทั้งใบมีดปลายหยัก ใบมีดตรง และกรรไกร ทรงที่ได้คล้ายๆทรงเมื่อปีก่อนโน่น แต่ดีเทลเจ๋งกว่าเดิม ด้านหน้าประมาณนี้ วันนี้เซ็ทเองค่ะ ใช้แว๊กซ์ของ SPICE แล้วฉีดทับด้วย Water wax จาก SPICE เหมือนกัน เราใช้ไลน์สีส้มนะคะ Wax ไม่แพงมาก 480 แต่ชอบที่มันไม่เหนอะ ไม่เหนียว เหมาะกับคนขี้เกียจสระผมแบบเรา 555 ทรงนี้จะเน้นที่ผมม้ายาว ริวบอกว่า รู้นะว่าจะพูดว่าตัดม้าให้สั้นอีก แต่ริวอยากให้มันยาวแบบนี้ สวยกว่าจริงๆนะ ว่าแล้วริวก็หั่นผมม้าตรงส่วนเหนือตา ให้บางกว่าจุดอื่น สังเกตดีดีว่า ผมม้าแม้ว่าจะเป็นแบบยาว แต่ก็ไม่ทิ่มตา เจ๋งมากก ด้านข้าง ด้านหลัง (พยามถ่ายได้แค่นี้อ่ะ) สำหรับด้านหลังเนี่ย ริวซอยออกบางมากๆๆๆๆ เราก็ถามว่าไม่เป็ดเหรอแบบนี้ ริวว่า ให้มันเป็ดๆน่ะสวยกว่านะ อืม…ก็เหมือนจะจริง จบจากเรื่องตัดผมก็มาเล่าถึงงาน event ผมที่ได้ไปร่วมในฐานะ 1 ในบลอคเกอร์ผู้บริโภค วันนี้ผมพร้อม []

Kirari in Korea > Day 2 : Shop ‘n Pop! at Garosugil ย่านแฟชั่นสุดชิค

สำหรับวันที่ 2 ของทริปสีชมพูกับ ETUDE วันนี้ช่วงเช้าเราไปเยือนย่านฮิปของที่เกาหลี นั่นคือ Garosugil Street ที่ย่าน Shisa-dong ค่ะ ถนนเส้นนี้เป็นถนนเส้นเล็กๆ แต่อัดแน่นไปด้วยช้อปน่าช้อปไปเสียทุกร้าน Garosugil เป็นภาษาเกาหลีที่หมายถึง ถนนที่เต็มไปด้วยต้นไม้สองข้างทาง ซึ่งเมื่อไปถึงแล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆค่ะ ต้นไม้สองข้างเลยล่ะ เป็นต้น Ginkgo หรือต้นแปะก๊วยค่ะ ถ้าช่วงใบไม้เปลี่ยนสีคงสวยน่าดูเลยล่ะ โรแมนติกกกก ช็อปที่สองข้างถนนนี้จะเป็นแนว Gallery และค่อนข้างยูนิค มีสไตล์ ราคาสูงพอควร ถนนเส้นนี้ไม่ยาวค่ะ ไม่ถึงกิโลเลยล่ะ แต่เดินได้เป็นวันๆ มันน่าเข้าไปหมดจริงๆ นอกจากมีร้านเสื้อผ้า รองเืท้า กระเป๋า เก๋ๆแล้ว ก็ยังมีร้านคาเฟ่น่ารักๆ หรือ ร้านคาเฟ่ทั่วไปแต่พอมาเปิดที่นี่ก็ตกแต่งในสไตล์อาร์ททำให้น่าเข้าไปหมดเลยล่ะ ร้านเครื่องสำอางร้านนี้เราก็ชอบมากค่ะ เป็นแบรนด์ที่ LG ทำออกมา แล้วได้ใจแก๊งค์สาวเราทุกคนเลย “too cool for school” Review: too cool for school แบรนด์เกาหลีสุดน่ารัก ด้วยคอนเซพท์ เครื่องเขียนวิชาศิลปะ และที่หัวมุม เราก็พบกับช็อปสุดโปรด FOREVER 21 ร้านสวยและใหญ่มาก มีหลายชั้นค่ะ ช็อปกันมันส์เลยล่ะ เพราะว่าถูกกว่าไทย เยอะมากเหมือนกัน ยิ่งตอนนี้จัดเซลล์ด้วย บางตัวซื้อมาราคาเซลล์ 200 – 300 บาท แต่ที่ไทยเพิ่งวางขายในราคา 680 – 990 ก็มีค่ะ ส่วนพวกเดรสมีปัญหาว่าไซส์ S หมดตลอด T T เลยอดไปหลายรุ่น []

Kirari in Korea > Day 1 : กิน เที่ยว ช้อป ในแบบ Girl’s style เอาใจสาวๆ

ปีนี้เป็นอีกปีที่ได้ไปเที่ยวเกาหลี แต่พิเศษยิ่งกว่าทุกปี เพราะไปกับแก๊งค์สาวๆ รวม 7 คน ซึ่งแต่ละคนก็ชอบอะไรคล้ายๆกัน ทริปนี้จึงเน้นไปทาง Lifestyle ของสาวชอบกิน เที่ยว ช้อป (หนักๆ) แบบพวกเรา สองครั้งก่อนที่เราได้ไปเกาหลี เราซื้อเป็นแพคเกจไปค่ะ ครั้งแรกเป็นทริปเน้นเที่ยว อีกทริปเป็นทริปเน้นกินและเที่ยว แต่สองครั้งที่ผ่านมา เรารู้สึกเฉยๆกับเกาหลีมากๆ อาหารก็ไม่เห็นอร่อย…ที่เที่ยวก็เฉยๆ อาจจะมีที่ชอบมากๆก็แค่ฟาร์มแกะแทควัลยอง ซึ่งปีก่อนพี่ๆที่ไปมาบอกว่า แกะเหลืออยู่ไม่กี่ตัว แป่ว…..แต่ผิดกับทริปนี้ เป็นทริปเกาหลีที่เราชอบ และรู้สึกว่าอยากไปแบบนี้อีก ปีหน้าต้องไปอีก สนุกและแฮปปี้กับการกินเที่ยวครั้งนี้สุดๆค่ะ ทริปนี้เราไปกับทาง ETUDE HOUSE ค่ะ เน้นหลักที่กิจกรรม PINK PLAY concert ซึ่งจัดในช่วงเย็นของวันที่ 2 ส่วนเวลาที่เหลือ แล้วแต่พวกเรากันเลย… เพราะฉะนั้น ทริปนี้จึงอิสระสุดๆ อยากไปไหน อยากกินอะไร ได้ตามใจคิดเลยล่ะ… Day 1 เราออกเดินทางโดยสายการบิน Asiana OZ742 ออกเดินทางในคืนวันพฤหัสที่ 1 Sep ในวันนี้เราเหนื่อยสุดๆเลยล่ะ เพราะช่วงเย็นมีพรีเซ็นท์งาน เสร็จแล้ว ก็รีบวิ่งกลับคอนโดไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดแล้วบึ่งไปสนามบิน เพื่อนร่วมทริปครั้งนี้ค่ะ ทราย เบลล์ พี่ตูน พี่มด เช่ ก่อนขึ้นเครื่องก็ไปถล่ม Duty Free กันมาพอกรุบกริบ แล้วก็แวะไปทานขนมกันก่อนขึ้นเครื่องค่ะ ปิ๊งป่อง…ได้เวลาขึ้นเครื่องแล้ว ทริปนี้นั่งคู่กับน้องเบลล์ นอนกับน้องเบลล์ตลอดทริป พอกลับมาแล้วก็คิดถึงเหมือนกัน ผ่านไป 5 ชั่วโมง เราก็ถึงอินชอนแล้วล่ะ 3 วันต่อจากนี้เราอยู่แต่ในกรุงโซลค่ะ หลังจากนั้นเราก็เจอกับไกด์สาวสุดฮาของทริปนี้ เรียกได้ว่าเป็นไกด์เฉพาะกิจ ให้กับทาง []

Yoshinoya ร้านข้าวหน้าเนื้อจากญี่ปุ่น

เมื่อพูดถึงร้านข้าวหน้าเนื้อของญี่ปุ่น Yoshinoya เป็นร้านแรกๆที่เรานึกถึงเลยล่ะ ตอนที่เราเรียนที่ญี่ปุ่น ก็ไปทานบ่อยๆ ด้วยความที่มีสาขาเยอะมาก ไปย่านไหนก็มี ราคาไม่แพง อร่อยและที่สำคัญ รวดเร็วมากๆ และนอกจากที่ญี่ปุ่นแล้ว Yoshinoya ก็มีสาขาทั่วโลก มากกว่า 1,600 สาขา และปีนี้ก็เป็นปีที่ 112 ที่ได้เปิดบริการมา สุดยอดมั้ยล่ะ! สำหรับเมนูดังสุดๆคงหนีไม่พ้น Gyudon หรือข้าวหน้าเนื้อค่ะ แต่คนที่ไม่ทานเนื้อก็อย่าเพิ่งเมินหน้าหนีไป เพราะ Teriyaki (ไก่ย่าง) ที่นี่ก็สุดยอดค่ะ Yoshinoya มาเปิดสาขาที่ไทยแล้วด้วย สดๆร้อนๆไม่นานมานี้ที่ห้างสุดฮอต Central ลาดพร้าว ที่เพิ่งรีโนเวทใหม่ โดยอยู่ที่ชั้นใต้ดินค่ะ หากไปช่วงเที่ยงหรือเย็น ต้องรอหน่อยค่ะ คนเข้าคิวเยอะจริงๆ ดิสเพลย์หน้าร้านก็มีหลากหลายเมนูยั่วน้ำลาย รอพักนึงก็ถึงคิวเราแล้ว เย่… ภายในร้านช่างต่างจากที่ญี่ปุ่นมากมาย… สวยกว่าเยอะเลยล่ะ ที่ญี่ปุ่นเป็นร้านเล็กๆ ที่นั่งแบบบาร์ซะส่วนมาก เน้นเร็ว และใช้เนื้อที่สูงสุด มาดูเมนูกันค่ะ มีทั้งเมนูแบบแยกสั่ง (แบบญี่ปุ่น) หรือจะสั่งแบบเซ็ทที่คนไทยนิยมก็มีค่ะ แน่นอนว่าเซ็ทคุ้มกว่าล่ะ ในส่วนของเซ็ทก็จะแบ่งออกเป็น A และ B A จะมีซุป กับเครื่องดื่ม ส่วน B จะเป็นสลัด หรือกิมจิ และเครื่องดื่ม ซึ่งแพงกว่านิดหน่อย จานคอมโบ้น่าสนใจสุดๆค่ะ เมนูมีให้เลือกพอสมควรเลยล่ะ ตอนนี้หิวแล้ว…สั่งเลยแล้วกัน แต่ละเมนูรอไม่นานค่ะ 5 – 10 นาทีก็มาเสิรฟแล้วล่ะ จานแรกขาดไม่ได้ค่ะ Original Menu “Gyudon” จะเป็นเนื้อสไลด์ตุ๋นค่ะ นุ่มๆ หวานน้ำตุ๋นตามแบบกิวด้ง รสชาติไม่เพี้ยนจากญี่ปุ่น เราสั่งไซส์ปกติค่ะ []

ร้านส้มตำมั้ยซ์ และ Beer Mansion @Mansion 7

กลับมาหาอะไรทานกันที่ Mansion 7 อีกแล้ว ครั้งก่อนเคยรีวิวไว้หลายร้าน ทั้ง ร้านข้าวแกงกะหรี่ “Nana” ร้านขนมจีน “เครื่องเส้น” ร้านอิซากายะแบบญี่ปุ่นๆ “飲んで飲んで (nonde nonde) “ และมารอบนี้ ขอพาไปชิมอีก 2 ร้านค่ะ คือ ร้านส้มตำมั้ยซ์ และ ร้าน Beer Mansion เริ่มกันที่ร้านแรกก่อน ส้มตำมั้ยซ์ ร้านอาหารอีสาน เด่นที่มีส้มตำตามกรุ้ปเลือดค่ะ แต่เราไม่ค่อยสนใจอ่ะ สั่งแต่อย่างที่อยากทาน การเลือกใช้แก้ว หรือภาชนะแต่งร้านก็ดูอีสานดีค่ะ น่ารักดี เมนูแรกที่เลือกคือ ส้มตำไข่ยางมะตูม (เหมาะกับคนกรุ้ป B) ราคา 90 บาท ตอนมาเสริฟแอบงอนนะ ยางมะตูมเหรอ…….. เกือบสุกแล้วนะนั่น เซ็งไปเล็กน้อย แต่ลองชิมแล้ว กรี๊ดดดด อร่อยแซ่บ เส้นมะละกอไม่เละ ไม่แข็งเกิน รสชาิดดีมากๆเลย แต่มันก็คือตำไทยปกติอ่ะ (ตำไทย 69 บาท แต่พอใส่ไข่เกือบสุกมา กลายเป็น 90 สุดยอดจริงๆ) เมนูต่อไป เนื้อเซอร์ลอยด์โคขุนโพนยางคำ ราคา 180 บาท เนื้อสไลด์บางๆ ไม่เหนียว รสชาดโอเคเลย อร่อยดีค่ะ ที่อยากชมอีกเรื่องคือ การใช้ผักตกแต่ง เค้าใช้พริกเป็นก้านรัดล่ะ สวยดูดีมากๆ อีกซักเมนูนึง ปีกไก่ทอด ราคา 120 ดูในรูปอาจจะไม่เห็นขนาดปีกไก่ คือสังเกตจากถ้วยน้ำจิ้มเล็กๆนั่นแล้วกัน ปีกไก่ไซส์นิ้วก้อยเรา สงสารไก่ ยังตัวเล็กอยู่แน่ๆ หรือใช้ไก่อะไรกันอ่ะ []

ร้านไอศครีมสุดโปรดของเรา…Sfree and Parferio

เราเป็นคนที่ไม่ชอบทานครีมสด แต่ชอบทานไอศครีมที่สุด แปลกๆมั้ยล่ะ… ร้านไอศครีมที่เราชอบเนี่ยมีไม่กี่ร้านค่ะ และร้านที่ชอบที่สุด ก็คงหนีไม่พ้น Sfree ไอศครีม Sugar Free ร้านไอศครีมและพาเฟ่ต์สัญชาติญี่ปุ่น สาขาที่เราไปบ่อยๆก็คือที่เซ็นทรัลแจ้งวัฒนะค่ะ ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า ครั้งนี้ใช้กล้องมือถือถ่าย เพราะจำได้แม่นว่า ก่อนหน้านี้เคยหยิบกล้องถ่ายรูปออกมาถ่าย โดนพนักงานห้ามซะลั่นร้าน เหอๆ รอบนี้เลยไม่ล่ะ เอากล้องมือถือนี่แหละ วันนี้ไปกันหลายคนเลยสั่งได้หลายเมนูหน่อย เมนูแรกที่เห็นหน้าร้านเลย เป็นเมนูพิเศษของช่วง White Day ค่ะ (วันนี้แหละ 14 มีนาคม) เป็นวัฟเฟิล กับไอศครีมชอกโกแลต ตัววัฟเฟิลนิ่มๆ ไม่ค่อยถูกปากเราเท่าไหร่ ชอบประมาณ A&W มากกว่า กรอบแต่นุ่ม แต่ตัวไอศครีมชอกโกแลตนี่แบบว่า… อร่อยมากกกกก อยากกินอีกๆๆๆๆ ถัดมาก็สั่งเมนูชอกโกแลตล้วนๆเลยค่ะ อร่อยจริงๆ เข้มข้น ไม่หวานเกิน ถัดมา ก็สั่งเมนูพิเศษอีกเช่นกัน เป็น Chocolate Lava หลังจากติดใจมาจากร้าน Tempo ของพี่สาวสุดสวย เห็นที่ Sfree มีเมนูนี้เลยอดสั่งไม่ได้ ด้านล่างจะเป็นชอกโกแลตลาวา ด้านบนจะเป็น soft cream ค่ะ ก็อร่อยดีนะ แต่ซอฟท์ครีมละลายเร็วมาก เพราะด้านล่างมันร้อน ต้องทานด้วยสปีดที่เร็ว ถ้าทางร้านเสริฟแยกกันน่าจะดีกว่านี้นะคะ เพราะมันเละ และละลายเร็วมากๆ ส่วนอีกเมนูประจำของเรา เราชอบทานเกล็ดไอศครีมที่ร้านนี้มาก (Granita) โดยเฉพาะรสนมค่ะ อร่อยถูกใจเรา เมนูนี้เพิ่ม ผลไม้เข้าไปด้วย ด้านล่างเป็น Granita รสนม ด้านบนเป็นไอศครีมรสนมค่ะ เราสั่งโมจิมาทานเพิ่มด้วย เข้ากันดี (สั่งมา 4 []

ศึกปะทะร้านข้าวหน้าเนื้อ :: ChouNan Cafe สุขุมวิท 24 VS Kinniku Gyudon อารีย์

Gyudon หรือข้าวหน้าเนื้อ เป็นอีกเมนูโปรดของเรา ที่เจอเป็นเมื่อไหร่ ก็อยากแวะไปลองชิมทุกครั้ง เมื่อไม่นานมานี้ เราได้รู้จักร้านใหม่ เลยได้โอกาสไปชิม (จริงๆเค้าก็มีมาพักใหญ่แล้วล่ะ) ร้านแรก คือร้าน ChouNan Cafe อยู่ที่สุขุมวิท 24 และอีกร้านคือ Kinniku Gyudon อยู่ที่วิลล่าอารีย์ค่ะ แต่ละร้านจะมีจุดเด่นน่าสนใจอย่างไร ตามมาชิมกันเลยค่ะ มากันที่ร้านแรกก่อน ChouNan Cafe ร้านเป็นกระจก น่ารัก น่านั่งมากๆค่ะ ภายในตกแต่งได้น่ารักถูกใจเรามากเลย เข้าไปถึงก็ดูเมนูก่อนเลย เอานี่แหละ…ข้าวหน้าเนื้อกับไข่ออนเซ็น สั่งอาหารเสร็จก็เดินวนๆ ถ่ายรูปในร้าน (ตอนนั้นไม่มีคนเลยค่ะ นั่งกับน้องแม้วสองคน โรแมนติ๊ก โรแมนติก ฮ่าๆ) มองไปที่บาร์ เอ๊ะๆๆๆๆๆๆ โฮกาเด้น (น้ำลายยืดด) ไม่ๆๆๆ วันนี้วันพระ ข่มใจแล้วกลับไปนั่งเรียบร้อย รออาหาร ผ่านไปเกือบ 10 นาที มาแล้ว…. ข้าวหน้าเนื้อที่รอคอย ประทับใจไข่ออนเซ็น ฮ่าๆ น่าหม่ำชะมัดเลยล่ะ น้องแม้วไม่ทานเนื้อ เลยสั่งหมูมา หน้าตาคล้ายกันเลยค่ะ เมนูนี้ราคาไม่แพงเลย 150 บาทเอง จิ้มๆๆๆ ข้าวหน้าเนื้อรสชาติดี แต่เนื้อแข็งและเหนียวกว่าร้านอื่นที่เคยทานมา น้ำซุปที่ให้มา ช่วยแก้เลี่ยนได้ดีเลยค่ะ ปริมาณที่ให้กำลังดี ไม่อิ่มเกิน ไข่ออนเซ็นเป็นเมนูที่เข้ากับข้าวหน้าเนื้อมากๆ คลุกๆแล้วจะได้รสหวานของไข่ผสม ไม่รู้สึกคาวค่ะ อร่อยดี สั่งเคิล์ลี่ฟรายด์มาทานเล่นด้วย คล้ายๆของ A&W ต่างกันที่ซ้อส เป็นมายองกับ ซ้อสมะเขือเทศ จานนี้ถ้าจำไม่ผิด 75 บาทค่ะ สรุปคะแนน ความอร่อยโดยรวม 7/10 []

ปาร์ตี้กันที่ Seasons Change รัชดา 18

เมื่อเดือนก่อนมีปาร์ตี้เล็กๆในกลุ่มเพื่อนร่วมงานค่ะ ร้านที่เลือกก็คือร้านนี้ Seasons Change ร้านนี้ตั้งอยู่ที่ซอยรัชดา 18 เป็นร้านใหญ่พอสมควรเลย เราเคยมาที่นี่เมื่อนานมาแล้ว แต่ไม่ประทับใจเรื่องอาหารเท่าไหร่ คือช้า และไม่อร่อย แต่ครั้งนี้ลองกลับมาอีกที เผื่อว่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง วันที่เราไป เราไปเร็วค่ะ คือเพิ่งเปิดร้านกันก็ว่าได้ ไปถึงที่นั่น 5 โมงนิดๆ เป็นโต๊ะที่ 2 ของร้านเลยค่ะ พนักงานก็บริการได้รวดเร็วดี อาหารมาเร็วมากๆ (แน่สิ) ในร้านจะมี 2 zone คือส่วน outdoor จะมีดนตรีสด เริ่มค่ำๆค่ะ ส่วนโซนห้องแอร์ด้านในก็จะส่วนตัวนิดนึง เราเลยเลือกด้านใน (ไม่อยากโดนยุงกัด) ครั้งก่อนเราเคยนั่งข้างนอกแระค่ะ ยุงกัดตึม ไม่รอช้า ไปดูเมนูที่สั่งกันเลย…. เริ่มกันที่จานนี้ เกี๊ยวห่อชีส จานนี้เราสั่งเป็นจานแรกเลย เพราะชอบค่ะ ก็เกี๊ยวธรรมดาห่อชีสข้างในนี่แหละ แต่อร่อยดี ทานเล่นเพลินๆ ปลากระพงทอด เนื้อสดขาวเด้ง ทอดได้อร่อยค่ะ น้ำจิ้มซีฟู้ดอร่อยมาก ถูกปากเราค่ะ กุ้งพันเบคอน จิ้มกับซอสพริก ก็อร่อยดีค่ะ กุ้งตัวใหญ่พอสมควร แต่จานนี้มันนิดนึงค่ะ ต้องทานคู่กับผักซักนิด ต้มยำกุ้งน้ำข้น อร่อยมากเลย เป็นรสชาดที่เราชอบค่ะ เปรี้ยวๆหวานๆ เผ็ดๆ กุ้งจะผ่าครึ่งมาให้ตั้งเป็นหม้อไฟร้อน ขาหมูทอด ขาหมูทอดที่นี่อร่อยเหมือนกันนะคะ จิ้มกับน้ำจิ้มซีฟู้ดอร่อย ไม่เลี่ยนเลย เราต้องขอน้ำจิ้มเพิ่มเลยล่ะ ปลาหมึกแดดเดียว ค่อนข้างเหนียวนิดนึงค่ะ รสออกเค็ม จิ้มกับซอสพริกก็อร่อยใช้ได้นะ ปิดท้ายที่ ยำถั่วพู อร่อยค่ะ ยำใช้ได้เลย รวมๆแล้ววันนี้ที่ไปมา อร่อยทุกอย่าง อาหารมาไวมากด้วย วันนั้นไปกัน 10 กว่าคน []

ร้าน 飲んで飲んで (nonde nonde) อิซากายะสไตล์ญี่ปุ่นที่ Mansion 7

วันนี้พาชิมกันที่ Mansion7 กันอีกครั้ง ในครั้งนี้จะพาเิดินเข้าร้าน飲んで飲んで (อ่านว่า นน เดะ นน เดะ) เป็นภาษาญี่ปุ่น แปลว่า ดื่ม…ดื่ม… หน้าร้านจัดได้น่ารักน่าเดินเข้ามากๆ บรรยากาศญี่ปุ๊นญี่ปุ่นแบบ อิซากายะ (ร้านเหล้าข้างทาง) การตกแต่งเราว่าโอเคนะ ชอบๆ รู้สึกว่าน่านั่งดี วันที่เราไปอาจจะไปเร็วไปหน่อย (ประมาณ 5 โมงเย็น) คนไม่ค่อยมี เมนูที่เราสั่งกินเล่นวันนี้ก็เป็น Cheese Teriyaki (ไก่ย่างชีส) และ Takoyaki รอแล้วรออีก อาหารก็ยังไม่มา…. หลังจากนั่งมองไปมองมาก็รู้แระ ทำไมนาน เค้าเพิ่งจะจุดเตาถ่านนี่ แหม…ดีนะวันนั้นอารมณ์ดี ไปกับเพื่อนๆ ไม่งั้นคงบ่นกระจาย เม้าท์ไปเม้าท์มา…เริ่มไม่มีไรเม้าท์แระ …. และแล้วก็ผ่านไป 30 นาทีกว่าๆ…ในที่สุดจานแรกก็มาแล้ววว ทาโกะที่รอคอย… รสชาติอร่อยทีเดียวล่ะ 1 ไม้ มี 4 ลูก โรยสาหร่ายและปลามาไม่อั้น ทำให้ร้อนๆ ข้างนอกกรอบ ข้างในนุ่ม จานนี้ถ้าจำไม่ผิด 75 บาทนะ ถือว่าโอเค สมราคา สมความอร่อยที่รอค่ะ ไม่นานนัก จานที่สองก็มา… ไก่ย่างชีสสสส จานนี้เด็ดนะ…ถ้าไปไม่อยากให้พลาด เพราะอร่อยมากค่ะ (แม้ว่าจะแพงไปนิด 2 ไม้ 100 บาท) ชีสเยิ้มๆ ไก่นุ่มๆ เข้ากันที่สุด อร่อยบันไซจริงๆ (อัพเดท หลังไปทานมาอีกรอบ รออาหารนานมากเช่นเคย) เมนูหมูม้วนไส้ชีส อร่อยดีค่ะ ราคา 170 บาท []

Tomato Noodle ราเมงมะเขือเทศ เพื่อสุขภาพ

Tomato Noodle เป็นร้านราเมงญี่ปุ่นสูตรมะเขือเทศ มีความโดดเด่น และแตกต่าง แม้ว่าเปิดตัวได้ไม่นานแต่ก็มีคนไปทานเต็มร้านตลอด พิกัดร้าน หาไม่ยากเลยค่ะ ลงรถไฟฟ้าศาลาแดง เดินเข้าซอยมานิดเดียวก็เจอ (ปากซอยเป็นธนาคาร และ Super sport) ร้านเล็กมากค่ะ ใึครไปช่วงเที่ยงๆ อาจจะต้องรอคิวบ้าง มาดูเมนูในร้านกันบ้าง… บอกตามตรง เราไม่ใช่คนชอบทานราเมงอะไรหรอก อยู่ญี่ปุ่นนี่ก็นับครั้งได้เลย ไม่ค่อยได้ทานราเมงหรอกค่ะ เว้นแ่ต่ว่าเพื่อนชวนไป ก็ไปตามเค้า ร้านนี้ก็เช่นกัน เราก็ไปตามๆเพื่อนนั่นแหละ เปิดเมนูมา…ตายล่ะหว่า มีราเมงแค่สองแบบเอง ทำไงดี มะเขือเทศก็ไม่ชอบกิน เหลือบไปเห็น Shoyu Ramen เลยสั่งชามนี้เลย ตอนแรกกะว่าจะสั่งแค่ชามเดียว แต่เพื่อนแนะนำว่า ชาชูที่นี่สุดยอดดด จานละ 30 เอง ก็เลยไม่พลาดค่ะ สั่งด้วย…ไม่มีกลัวอ้วน อิอิ รอแ้ป้ปนึง อาหารก็มา… หน้าตาโชยุราเมงธรรมด๊า ธรรมดา แต่พอชิมซุป…ไม่ธรรมดาแฮะ อร่อยดี นอกจากซดน้ำซุปปกติแล้ว เหลือบไปมองด้านข้างจะเห็นเครื่องปรุง ซึ่งไม่ธรรมดาค่ะ ทำไมมีขวดชีสมาวางตรงนี้ล่ะ ???? และนี่ก็เป็นอีกสูตรเด็ดของทางร้านค่ะ น้ำซุปที่เข้ากับชีสได้เป็นอย่างดี อเมซซิ่งเจแปนอีกแล้ว… แต่เราเป็นคนชอบทานชีส เลยไม่โรยแค่ซุปค่ะ โรยมันคำต่อคำนี่แหละ สะใจดี อิอิ มาดูหมูชาชูกันบ้าง เนื้อนุ่ม ซ้อสอร่อยมากๆๆๆๆๆๆๆ คือ 30 บาทที่คุ้มจริงๆ ถูกปากเรามากค่ะ แต่ใครกลัวอ้วนก็ข้ามๆไปนะคะ มันเยอะทีเดียวล่ะ ข้าวหน้าหอมญี่ปุ่นหมูชาชูก็มีค่ะ ให้หมูมาเยอะมากๆ ข้าวก็เยอะ อิ่ม อืดกันเลย ส่วน Tomato Ramen (ฺำืBeni) สูตรพิเศษของร้าน หน้าตาน่ากินมากก []

SUMI SUMI Yakiniku (again)

SUMI SUMI Yakiniku เป็นร้านบุฟเฟต์เนื้อและอาหารทะเลค่ะ มีอยู่หลายสาขา ครั้งแรกเราไปทานที่สาขาแรกคือสุขุมวิท 24 อยู่ข้างๆเอ็มโพเรียม ต้องจอดรถในห้างค่ะ ร้านเล็กๆแต่คนเต็มตลอด อีกครั้งนึงก็ไปทานที่สาขา The Mall งามวงศ์วาน รูปอาจมีไม่มาก และไม่สวยมากมายเพราะใช้มือถือถ่าย และรีบถ่าย (กลัวไม่ได้กิน ฮ่าๆ) ทุกครั้งที่เราไปทานก็มักจะเลือกเซท 699 ค่ะ เพราะได้บุฟเฟต์เนื้อวากิวด้วย ** เนื้อวากิว ก็คือเนื้อจากวัวชั้นดี ที่ได้รับการเลี้ยงดูมาเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็น ในส่วนของอาหารที่ให้วัวกินก็จะเป็นพวกเบียร์ และอาหารพิเศษต่างๆ นอกจากนี้ ก็ยังมีการนวดตัว เปิดเพลงเพื่อให้วัวผ่อนคลาย และไม่ให้วัวออกกำลังกาย เนื้อที่ได้จึงมีไขมันแทรกอยู่เป็นจำนวนมาก วากิวจะแบ่งเกรดกันด้วย Marbling score ซึ่งมีตั้งแต่ 1-12 ค่ะ ลายมาก ก็ยิ่งแพง ยิ่งดี ยิ่งนุ่ม (พวกเนื้อโกเบ หรือมัตทซึซากะ ก็เป็นเนื้อวากิวค่ะ ต่างกันแค่สถานที่มาแค่นั้นเอง) เมนู 699 จะทานได้ทุกอย่างค่ะ จานที่พิเศษเพิ่มเข้ามาก็เป็นวากิว เนื้อแกะออส เนื้อสุมิสุมิ คุโรบุตะ และอื่นๆ หากใครไปทานก็แนะนำให้สั่งๆไว้เลยค่ะ เพราะอาหารมาเป็นช่วงๆ ขาดตอนบ่อย สั่งไปได้มั่งไม่ได้มั่ง ยิ่งถ้าไปกันเยอะๆ สั่งเยอะๆ บางทีก็มั่วๆมาก็มี ก่อนพูดถึงอาหาร มาดูที่น้ำจิ้มกันก่อน เค้ามีสามช่อง สามสูตรค่ะ ในสามช่องนี้เราชอบแจ่วสุดค่ะ ซีฟู้ดก็โอเคแต่ไม่ได้อร่อยมาก (เราชอบน้ำจิ้ม ของ Miyabi ที่สุดค่ะ เติมไม่รู้มันกี่รอบ อร่อยจริงๆ ) มาดูคุณภาพแต่ละจานที่สั่งมากันดีกว่า… จานแรกที่มาเป็นวากิวค่ะ (แอบผิดหวังนิดนึงเพราะครั้งก่อนเนื้อดีกว่านี้มากๆ) ชั้นไขมันน้อยจังจานนี้ จานนี้เนื้อสุมิสุมิค่ะ []

Katsu King X (Digital Gateway) หลากหลายเมนูทอด

Katsu King เป็นร้านที่ขายเมนูของทอดเป็นหลักค่ะ เคยคิดจะไปมานานมากแล้ว เพราะเราชอบ Cheese Tonkatsu มากๆ (ติดใจมาจากหมูมิฟเฟิลที่ร้าน Genkatsu ที่ย่าน吉祥寺(Kichijoji) ในโตเกียว ร้านนั้นนี่เทพตัวจริง ขอชาบูชาบูเลย) ใครยังไม่เคยได้อ่าน จิ้มลิ้งค์ด้านล่างไปโลด… Genkatsu หมูทอดอร่อยเทพในโตเกียว http://www.pantip.com/cafe/richtext/ กลับมาที่คัทซึคิงกันต่อ… ใจจริงอยากไปสาขาออริจินัลนะ อยู่ที่สุขุมวิท 39 แต่ขี้เกียจขับรถไป เลยนั่งรถไฟ ไปลงที่สยาม เพื่อไปที่สาขาสอง ตรง Digital Gateway ค่ะ ร้านค่อนข้างเล็กมาก ไปถึงก็เห็นคนรอคิวอยู่กลุ่มนึง พนักงานเดินไปเดินมา ไม่มีใครสนใจเรา เหอๆ มองไปมองมาเห็นกระดาษกับปากกาวางไว้ เลยเข้าไปดู… อ๋อ…ที่นี่เค้าต้อง Self-Service เขียนชื่อเองอะไรเอง ก็ยังคงยืนรออยู่…ผ่านไป 15 นาที ได้คิวแระ เย่ๆ เนื่องจากร้านเล็กมาก เราจึงต้องไปนั่งรวมกับคนอื่นด้วย ใครไปที่ร้านนี้ก็ต้องเข้าใจจุดนี้ด้วยนะจ้ะ เปิดเมนูดู…หลากหลายดีจัง แต่เล็งไว้แล้วค่ะว่าจะกินอะไร สั่งมา 2 เซทคือ Roll pork with cheese set (219 THB) อีกเซทที่ตั้งใจมากินคือ Jumbo ebi fried (กุ้งยักษ์) แต่ดันหมด อดกินเลย เลยสั่งได้แต่เซทกุ้งทอดธรรมดา (219 THB) รอพักนึงก็มาเสิรฟค่ะ ดื่มชาเย็นๆไปพลางๆ ชาที่นี่เติมไม่อั้นค่ะ ในเซทจะมีเครื่องเคียง 2 อย่าง เติมไม่ได้ค่ะ T T มีซุป และข้าวมาให้ []

อิ่มอร่อยที่ Viva Cafe’

เมื่อวันพ่อที่ผ่านมา เราพาที่บ้านไปทานข้าวนอกบ้านกันมาค่ะ ที่บ้านเคยเห็นรูปที่เราไป CDC มาแล้ว ก็ชอบ แต่ยังไม่ได้ไปซักที วันนี้เลยได้โอกาสพาไปค่ะ ตอนแรกเลือกร้าน est.33 แต่ร้านดันปิดซะได้ ก็เลย เปลี่ยนร้านเป็น VIVA Cafe แทน ร้านนี้เป็นร้านอาหารไทยและอาหารอิตาเลียน ตกแต่งร้านโทนสีขาว สะอาดตา ร้านใหญ่พอสมควรเลยค่ะ เลือกนั่งมุมโซฟาส่วนตัวค่ะ น่าเสียดายที่ตอนนี่ CDC เปลี่ยนไปเยอะ มองออกไปกลายเป็นตลาดนัดแออัดไปซะแระ วิวเลยไม่ค่อยมีอะไรน่ามองค่ะ วันนี้สั่งอาหารทั้งคาวและหวาน อร่อยใช้ได้เลย มาดูกันทีละจานเลย จานแรก แกงเขียวหวานเนื้อ โรตีทอด 150 บาท อร่อยทีเดียวค่ะ รสกำลังดี ไม่เผ็ดมาก แต่มันไปหน่อยค่ะ เนื้อนุ่มอร่อย แป้งโรตีทอดได้กรอบไม่อมน้ำมัน จานต่อไปเป็นเมนูพิเศษของวันค่ะ เนื้อโคขุนย่างจิ้มแจ่ว เลือกแบบ well done มาค่ะ ราคา 230 บาท เนื้อนุ่มมากกก แจ่วก็อร่อย จานนี้แป้ปเดียวหมดเลย ยำปลาดุกฟูน้ำมะขาม 150 บาท เป็นยำปลาดุกฟูที่น่าทาน และอร่อยมากๆค่ะ น้ำยำจะเป็นน้ำมะขามหวานๆอมเปรี้ยว เมื่อกินคู่กับมะม่วงฝอยที่เปรี้ยวมากจะพอดีเลยค่ะ จานนี้เราชอบสุดๆ ต้มยำกุ้งน้ำข้น 150-180 บาท ถ้วยไม่ใหญ่มากค่ะ กุ้งไม่ใช่กุ้งแม่น้ำ น่าจะเป็นกุ้งขาวธรรมดา ตัวไม่ใหญ่ ตามราคา แต่รสดีค่ะ ไม่เผ็ดมาก เปรี้ยวหวานลงตัว Fish and Chip 180 บาท จานนี้ถ่ายไม่ทัน หันไปอีกทีหายไปครึ่งชิ้นแระ อิอิ อร่อยเกินคาดค่ะ เป็นปลากระพงเนื้อสดเด้งๆเลย ชุบแป้งทอด []

เสม็ด…Let’s Go!! ปี 2

มาแล้วจ้า…เมื่อปลายเดือนก่อนเราไปเที่ยวเสม็ดมาอีกรอบ ที่เดิมแต่สนุกกว่าเดิมด้วยล่ะ ไม่รู้ทำไมไปเสม็ดทีไรน้ำขึ้นทุกทีเลย… หาดเลยสั้นกว่าปกติเล็กน้อย แต่วันที่กลับเนี่ย น้ำลง หาดยาวน่าวิ่งสุดๆเลยล่ะ ทริปนี้มีเพื่อนร่วมทางหลายคน กินเที่ยวกันสนุกสุดๆ แน่นอนว่าไม่พลาดที่จะเก็บรูปมาฝากเพื่อนๆกันค่ะ จุดหมายทริปนี้คือ…วงเดือนรีสอร์ท การเดินทางก็ไม่ยากค่ะ ขับรถหรือนั่งรถไปลง ที่ท่าเรือเทศบาล (ท่าเพ) แ้ล้วก็ซื้อตั๋วไปกลับ 140 บาทค่ะ รอบเรือจากท่าไปเกาะมี 3 เวลา 09:30, 13:30, 15:30 ถ้า Speed Boat ก็คนละ 300 เรานั่งเรือใหญ่ธรรมดา ชิลๆไปเกาะ ใช้เวลาครึ่งชั่วโมง อากาศดีมากๆๆๆ ถ่ายรูปกันเพลิน รู้ตัวอีกที อ้าว…ถึงแล้วนี่นา **ตลอดทริปนี้เราใช้ SAMSUNG ST600 ในการถ่าย ไม่มีการปรับสีหรือแสงนะจ้ะ จะได้รีวิวกันชัดๆ และในตอนท้ายของ Part2 จะสรุปรีวิวให้ฟังอีกทีน้า ช่วงที่ไปคลื่นแรงเล็กน้อย ลมเย็นๆ อากาศไม่เหนียวตัวเลย วิ่งเล่นอยู่ข้างนอกทั้งวัน เมื่อไปถึงก็ check in เข้าห้อง สำหรับทริปนี้เราเลือกห้อง cottage ด้านหลังค่ะ คืนละ 2500 เอง ราคาไม่แพงเลยล่ะ ห้องน่ารักด้วย หลังจากเก็บกระเป๋าแล้ว ก็ออกมากินๆๆๆๆ แล้วก็แวะไปทักทายพี่สาวคนสวยที่ร้าน ไปถึงก็ถ่ายรูปกันหนุกหนานเลยล่ะ ใช้กล้องหน้าสะดวกสุดๆ ไม่มีหลุดเฟรม มาที่ JUMP shot กันบ้าง ที่กล้องหน้าจะมีตัวเลขนับถอยหลัง 3..2..1… แล้วพอเปลี่ยนเป็นรูปลูกศรให้โดด ก็โดดกัน กล้องจะถ่ายติดๆกัน 3 รูปอัตโนมัติ สะดวกดีเหมือนกันค่ะ หลังจากถ่ายรูปเรื่อยเปื่อยแล้วก็เข้าไปนั่งหน้าร้านพักเหนื่อย เดินไปถึงก็เจอตัวไรไม่รู้ นอนอืด []

Buffet 189 @BOY โพนยางคำ อิ่มอร่อยในราคาสุดคุ้ม

เมื่อไม่นานมานี้เพิ่งได้รู้จักร้าน BOY โพนยางคำ เห็นหลายๆคนไปทานมา บอกว่าอร่อยสุดคุ้ม ที่สำคัญอยู่ไม่ไกลจากที่พักเราด้วย ขับรถไปไม่นานก็ถึง อยู่ที่ซอยรัชดาภิเษก 36 แต่ขับเข้าไปแอบหลงเหมือนกัน คือเข้าไปลึกมาก ไปที่แยก 19 ค่ะ เกือบถึงสะพานไปวังหิน ร้านอยู่ซ้ายมือ ป้ายเหลืองๆ เจ้าของร้านเยี่ยมมากๆค่ะ ขอชมเลย… เห็นรถเปิดไฟจะเข้าจอด ก็ลงมาบริการโบกรถให้ด้วยตัวเองเลย พอไปนั่งโต๊ะก็คอยบริการตลอดค่ะ เอาใจใส่ลูกค้าดีมากๆ จุดเด่นของร้านนี้คือ การย่างด้วยเนย ซึ่งเค้าบอกว่าร้านนี้เป็นร้านต้นตำรับด้วยล่ะ ที่ร้านมีทั้ง a la carte และ Buffet ค่ะ แน่นอนว่าเราก็เลือกบุฟเฟ่ต์อยู่แล้ว ราคาน่าลองมากๆ 189 เท่านั้นเอง ราคานี้สั่งอาหารอีสานเช่น ส้มตำ ลาบ ต้มแซ่บ ไอศกรีม และอื่นๆได้หมดเลยด้วย (ไม่รวมน้ำอย่างเดียวค่ะ) มามะ ไปดูบรรยากาศร้านกันซักหน่อย… ร้านค่อนข้างใหญ่ วางโต๊ะได้ไม่อึดอัดเลยค่ะ ห่างกัน เดินสบาย มีมอนิเตอร์ใหญ่ เปิดเพลง พัดลมทั่วถึง ยุงไม่กัด ฮ่าๆ ร้านที่นี่จะให้เขียนเมนูเนื้อหรืออื่นๆลงในกระดาษแล้วนำไปยื่นให้พนักงานค่ะ เมื่อทางครัวรับออเดอร์แล้วก็จะสไลด์เนื้อให้ ไม่เหมือนหลายๆที่ ที่สไลด์ไว้แล้ว ก็ไปแช่แข็ง จนแงะออกมาย่างลำบาก ที่นี่สไลด์ให้สดๆเลย ใครอยากรู้ว่าส่วนไหนคือตรงไหน ก็พลิกเมนูด้านหลังมีอธิบายไว้ด้วย เมนูนี้ขาดไม่ได้ค่ะ สั่งเป็นอันแรกเลย โคขุนลูกเต๋า เนื้อนิ่ม อร่อยมากค่ะ จานนี้ก็อร่อยค่ะ เนื้อ BS ติดมัน ย่างออกมาแล้วเนื้อขาวๆ เนื้อรวมค่ะ เจ้าสองชิ้นบน น่าจะเป็น เนื้อหนอกมันแทรก เหนียวมากกกกก เคลมไปเรียบร้อย กินไม่ไหวค่ะ กัดไม่ขาดซักที []