ตอบคำถามที่อยากรู้เกี่ยวกับ “Skin Radiance” ทรีตเมนต์ผิวใสอิ่มน้ำ เติมหลุมสิว

ใครที่เจอปัญหาผิวแห้งลอก ผิวดูโรยไม่สดใส หรือแม้แต่หลุมสิว

อยากแนะนำให้ลองทรีทเม้นท์ตัวนี้ดูค่ะ “Skin Radiance” แป้งทำมาทั้งหมด 3 ครั้ง

กับคุณหมอโจ้ ที่ THE DEMIS Clinic เห็นผลที่ดีมาก เลยขอแนะนำจริงๆ

ใครที่สนใจจะทำ อยากให้อ่านข้อมูลกันก่อนตัดสินใจนะคะ

 

Skin Radiance คืออะไร ?

Skin Radiance คือทรีตเมนต์ผิวที่เป็นการฉีด Hyaluronic Acid เข้าที่ผิวชั้นบนแบบตื้นๆ

ทำให้ผิวอุ้มน้ำได้มากขึ้น ชุ่มชื้นมากขึ้น เติมร่องผิว ช่วยให้ร่องตื้นขึ้น

 

ใครที่ติดตามกันมาจะรู้กันดีว่าแป้งไม่ค่อยชอบฉีด ไม่เคยศัล แต่ถ้าเป็นลักษณะทรีตเมนต์แบบนี้

และเป็นสารที่ปลอดภัยต่อร่างกายมีการรับรองก็ลุยค่ะ

ก่อนที่แป้งจะตัดสินใจทำ นั่งหารีวิว ดูตัวอย่างของเพื่อนๆพี่ๆ Blogger ที่เคยทำมามาก

ไม่ว่าจะเป็นพี่โมเม น้องนีน่า ที่มีสภาพผิวใกล้เคียงกับแป้ง เห็นผิวหน้ากันชัดๆแล้วรู้สึกว่า “ชั้นต้องลอง!”

และยิ่งได้คุยกับคุณหมอโจ้ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้คิดค้นวิธีการฉีดในรูปแบบใหม่ก็รู้สึกมั่นใจ

HA จะต่างจาก Filler นะคะ มันสลายไปเองตามธรรมชาติ และเป็นสารที่ให้ความชุ่มชื้นตามธรรมชาติ

ไม่แข็ง ไม่โป๊ะ ไม่เป็นก้อนแบบ Filler ปลอดภัยมั่นใจได้ค่ะ

 

Skin Radiance เหมาะกับใคร ?

ผิวแห้ง ผิวดูโรยไม่สดใส

ผิวขาดน้ำ โทรม

คนที่เดินทางบ่อย ทำให้ผิวเสียสมดุล

ผิวมีร่อง หรือมีหลุมสิว

 

สำหรับแป้ง ต้องการเติมน้ำให้กับผิว เพราะเป็นคนผิวแห้งค่ะ ยิ่งช่วงไหนเดินทางบ่อยมากๆ

ผิวจะขาดน้ำเพราะเวลาเดินทางนอกจากเจอความกดอากาศ, อุณหภูมิที่เปลี่ยน เราก็ดื่มน้ำน้อยกว่าปกติ

กลับไทยมาทีไร ผิวต้องฟื้นฟูเต็มที่ และเราก็ยังคงมีหลุมสิวอยู่ คุณหมอโจ้เลยแนะนำให้ลองดูค่ะ

จะช่วยทำให้แผลหลุมตื้นขึ้น สลายผังผืดบริเวณนั้นด้วย

 

ขั้นตอนการทำ

เราเลือกแปะยาชา ใช้เวลา 30-40 นาที จะชิลๆมาก

แต่ถ้าใครรีบก็สามารถประคบน้ำแข็งก็ได้ (แต่ไม่แนะนำ เราว่าแปะยาเถอะ ชิลๆ)

คุณหมอใช้เวลาฉีดประมาณ 10-15 นาทีก็เสร็จค่ะ ไม่นาน  ช่วงพักเที่ยงก็แว้บมาทำได้

 

 

เจ็บมั้ย ??? ฉีดตรงไหนบ้าง ???

ก่อนอื่นเลยต้องบอกก่อนว่า ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 ที่เราฉีดค่ะ

ครั้งแรกคือปีที่แล้ว เจ็บม๊ากกก (แต่น้องพีช wonderpeach บอกเฉยๆนะ)

คือครั้งแรกของเราเป็นเข็มรุ่นเก่า (เข็มทั่วไปของคลินิกทั่วไป) มันเลยเจ็บหน่อย

แต่สำหรับคนที่เคยฉีดพวก Botox, Filler ก็คงบอกว่าปกติค่ะ (ฟังเค้ามา) เราปสก.การฉีดน้อย

ก็รู้สึกว่าครั้งนั้นเจ็บ ตั้งใจว่าไม่เอาแระ… แต่ครั้งที่ 2 ที่ทำเนี่ย คุณหมอโจ้เห็นสภาพผิว

หลังจากลุยป่าลุยเขาที่ญี่ปุ่นมา กลับมาหน้าลอกเป็นขุย บอกว่า “ทำเถอะ…” หมอมีเข็มรุ่นใหม่นะ

ซึ่งๆๆๆๆเจ้าเข็มรุ่นใหม่เนี่ย เล็กกว่าเดิมม๊ากกก ครั้งที่ 2 เราคือไม่เจ็บเลยยยยยย OMG! ไม่รู้สึกเจ็บใดๆ

ส่วนครั้งที่ 3 ล่าสุด ขอหมอจัดเต็ม เติมหลุมกันดูค่ะว่าจะเป็นไง เลยจิ้มย้ำๆ มีเจ็บบ้างนิดหน่อย

 

สรุปคือ ฉีดกับคุณหมอโจ้ ที่ THE DEMIS จะมีเข็มเล็กพิเศษ เจ็บน้อย ถึงน้อยมาก 

 

บริเวณที่ฉีดแล้วแต่คนค่ะ ใครที่ตาดูโรย สามารถเติมที่ใต้ตา ให้ดูอิ่มขึ้นมาได้เลย

หรือจะเป็นการฉีดเทคนิคใหม่ คิดค้นโดยคุณหมอโจ้ที่จะฉีดตรงจุดตกกระทบแสง

ทำให้เวลาที่เราหน้าสด ผิวก็ยังดูสวยเปล่งปลั่ง

ของเราจะเน้นที่ใต้ตา กับแก้มที่ยังมีรอยหลุมสิวเป็นหลักค่ะ

 

หลังฉีดเป็นแผลมั้ย? แต่งหน้าได้มั้ย?

หลังฉีดทันทีจะมีรอยแผลเล็กๆจากเข็มค่ะ และจะตกสะเก็ดในช่วง 1-3 วัน

เราเป็นคนช้ำง่าย จะมีรอยช้ำบ้าง (แต่คนส่วนมากจะไม่ช้ำ) รอยช้ำเราจะหายภายใน 10 วันค่ะ

หลังการฉีด 1 วัน เราก็แต่งหน้าได้ปกติเลยนะ ไม่ต้องกังวล

 

ต้องดูแลอย่างไร??? ฉีดบ่อยแค่ไหน??

2 ข้อแค่นั้นคือ ดื่มน้ำเยอะๆๆๆๆ เพราะมันเป็น HA ต้องการน้ำ ต้องการอุ้มน้ำที่ผิวมากขึ้น

ถ้าดื่มน้ำน้อย สิ่งที่ฉีดไปจะสลายไว และอีกอย่างคือ อย่าโดนความร้อนจัดๆในช่วง 10 วันแรก

เราต้องงดพวกเครื่องผลักวิตามิน หรืออะไรร้อนๆ ปิ้งย่างก็เลี่ยง ไม่งั้นมันจะสลายไปก่อนที่ integrate กับผิว

วันแรกๆที่ฉีด จับไปตรงที่ฉีดจะรู้สึกเป็นก้อนๆไม่ต้องตกใจ มันจะนิ่มและเข้ากับผิวในช่วงวันที่ 2-3

จากนั้นก็เนียนไปกับผิวเลย ดูไม่ออกว่าทำไรมา แต่หน้าจะอิ่ม เด้งขึ้น

ฉีดบ่อยแค่ไหน แล้วแต่คนเลยค่ะ คุณหมอแนะนำที่ 2-6 เดือนต่อครั้ง

 

แพงมั้ย ?? 

ราคาขึ้นอยู่กับ cc ที่ฉีดค่ะ อย่างรอบล่าสุดจัดเต็มเรื่องหลุม

ฉีดแบบเต็มที่ของแป้งอยู่ที่ 2cc ค่ะ ราคาที่ THE DEMIS จะมีโปร 2cc ราคา 30,000 บาท

(ถ้า 1cc = 17,000 บาท)

 

สรุปปิดท้าย…ทรีตเมนต์นี้เราแนะนำ! รู้สึกชัดในเรื่องผิวอิ่มน้ำ และแก้ปัญหาผิวขาดน้ำได้ทันที

ร่องหลุมสิวตื้นขึ้นเล็กน้อย โดยรวมคือทำให้ผิวดูดี ไม่ดูโรย ยิ่งเราที่มีปัญหารูปหน้าตอบในช่วงตา

จะทำให้ดูมีอายุได้ง่าย ให้วิธีนี้ในการแก้ไขได้ดีมากๆ ปลอดภัยต่อร่างกายค่ะ

 

Leave a Reply