SUMI SUMI Yakiniku (again)

SUMI SUMI Yakiniku เป็นร้านบุฟเฟต์เนื้อและอาหารทะเลค่ะ
มีอยู่หลายสาขา ครั้งแรกเราไปทานที่สาขาแรกคือสุขุมวิท 24 อยู่ข้างๆเอ็มโพเรียม
ต้องจอดรถในห้างค่ะ ร้านเล็กๆแต่คนเต็มตลอด อีกครั้งนึงก็ไปทานที่สาขา The Mall งามวงศ์วาน

รูปอาจมีไม่มาก และไม่สวยมากมายเพราะใช้มือถือถ่าย และรีบถ่าย
(กลัวไม่ได้กิน ฮ่าๆ) ทุกครั้งที่เราไปทานก็มักจะเลือกเซท 699 ค่ะ
เพราะได้บุฟเฟต์เนื้อวากิวด้วย

** เนื้อวากิว ก็คือเนื้อจากวัวชั้นดี ที่ได้รับการเลี้ยงดูมาเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็น
ในส่วนของอาหารที่ให้วัวกินก็จะเป็นพวกเบียร์ และอาหารพิเศษต่างๆ นอกจากนี้
ก็ยังมีการนวดตัว เปิดเพลงเพื่อให้วัวผ่อนคลาย และไม่ให้วัวออกกำลังกาย
เนื้อที่ได้จึงมีไขมันแทรกอยู่เป็นจำนวนมาก วากิวจะแบ่งเกรดกันด้วย Marbling score
ซึ่งมีตั้งแต่ 1-12 ค่ะ ลายมาก ก็ยิ่งแพง ยิ่งดี ยิ่งนุ่ม (พวกเนื้อโกเบ หรือมัตทซึซากะ
ก็เป็นเนื้อวากิวค่ะ ต่างกันแค่สถานที่มาแค่นั้นเอง)

Image Hosted by ImageShack.us

Image Hosted by ImageShack.us

เมนู 699 จะทานได้ทุกอย่างค่ะ จานที่พิเศษเพิ่มเข้ามาก็เป็นวากิว เนื้อแกะออส
เนื้อสุมิสุมิ คุโรบุตะ และอื่นๆ

หากใครไปทานก็แนะนำให้สั่งๆไว้เลยค่ะ เพราะอาหารมาเป็นช่วงๆ ขาดตอนบ่อย
สั่งไปได้มั่งไม่ได้มั่ง ยิ่งถ้าไปกันเยอะๆ สั่งเยอะๆ บางทีก็มั่วๆมาก็มี

ก่อนพูดถึงอาหาร มาดูที่น้ำจิ้มกันก่อน เค้ามีสามช่อง สามสูตรค่ะ
ในสามช่องนี้เราชอบแจ่วสุดค่ะ ซีฟู้ดก็โอเคแต่ไม่ได้อร่อยมาก (เราชอบน้ำจิ้ม
ของ Miyabi ที่สุดค่ะ เติมไม่รู้มันกี่รอบ อร่อยจริงๆ )

Image Hosted by ImageShack.us

มาดูคุณภาพแต่ละจานที่สั่งมากันดีกว่า…

จานแรกที่มาเป็นวากิวค่ะ (แอบผิดหวังนิดนึงเพราะครั้งก่อนเนื้อดีกว่านี้มากๆ)
ชั้นไขมันน้อยจังจานนี้

Image Hosted by ImageShack.us

Image Hosted by ImageShack.us

จานนี้เนื้อสุมิสุมิค่ะ อร่อยมาก

Image Hosted by ImageShack.us

เนื้อแกะก็มี แต่จานนี้แอบเหนียวนิดนึง ต่างจากจานก่อนๆที่นุ่มมาก
(ครั้งก่อนที่กินที่ ซอย 24 ไม่เหม็นสาบนะ แต่รอบนี้เหม็นอ่ะ เลยกินไปชิ้นเดียว
ร่วมกันรับผิดชอบทั้งโต๊ะ ฮ่าๆ)

Image Hosted by ImageShack.us

ความใหญ่ของเนื้อแกะค่ะ สองชิ้นเต็มเตา

Image Hosted by ImageShack.us

เมนูโปรดเราค่ะ กั้ง และ กุ้ง วันนั้นกินกั้งไปเยอะมากกกก

Image Hosted by ImageShack.us

แซลมอนนอร์เวย์

Image Hosted by ImageShack.us

เตาเริ่มไม่พอแล้วค่ะ ปิ้งกันไม่พอทาน
อ้อ หอยเชลล์ที่นี่ตัวอ้วนกำลังดี อร่อยมากค่ะ ออกเค็มๆเนยนิดนึง

Image Hosted by ImageShack.us

เตาที่นี่เป็นแบบไร้ควันค่ะ จะมีลมดูดออกด้านข้าง เสื้อผ้า หน้าผม จึงไม่เหม็น
เท่าไปทานแบบเตาถ่านธรรมดา

Image Hosted by ImageShack.us

คุโรบูตะ หรือหมูดำ ก็เป็นอีกเมนูที่หาทานไม่ง่ายนักในแบบบุฟเฟต์
หมูจะนุ่ม มีรสที่ต่างไปจากหมูธรรมดาค่ะ ส่วนหมูโทโร่ก็มันเยิ้มได้ใจ อร่อยนุ่มมม

ด้านเนื้อออส ที่ขุน 150 วันก็อร่อยค่ะ สั่งมาหลายที หลายจาน เนื้อนุ่มมาก

เมนูหลากหลายมากๆค่ะ เราก็กินไปเยอะแยะ พุงป่องกันเลยวันนั้น

หลังจากจบอาหารคาว เค้าก็มีของหวานให้ เป็น Sorbet มะนาว หรือมะพร้าว
ใ้ห้เลือกแค่คนละถ้วย เติมไม่ได้ (T^T) แหม…วากิวเติมได้ไม่อั้น
แต่กับของหวานทำไมถึงงกจังก็ไม่รู้ คือกินเนื้อมาเลี่ยนๆ ก็อยากทานอ่ะนะ
จะขอซื้อเพิ่มอีกถ้วยยังไม่ขายเลย… มะนาวมันเปรี้ยวสดชื่นมาก
ส่วนมะพร้าวก็หอมหวานชื่นใจ อร่อยมากๆค่ะ

อยากให้ของหวานเติมได้มั่งจัง…

สำหรับคนที่ไม่ทานเนื้อ เค้าก็มีเมนู 300 กว่าบาท ที่เน้นพวกหมู และซีฟู้ดเป็นหลักค่ะ

แต่ถ้าหากไปด้วยกัน เราแนะนำให้จองแยกโต๊ะนะคะ เพราะตอนเราไปมันมีปัญหา
แทบจะเดินออกจากร้านกันเลย ตอนโทรจองบอกว่านั่งด้วยกันได้แม้สั่งคนละราคา
แต่ต้องแยกเตา เราก็โอเคนะ เตานึง 699 อีกเตา 449
แต่พอไปที่ร้าน บอกว่าไม่ได้ ต้องสั่งเหมือนกันหมด กลายเป็นความเข้าใจผิดกันไป
แต่สุดท้ายทางร้านก็ยอมให้ค่ะ เพราะเป็นความคลาดเคลื่อนกันเอง

อีกจุดนึงที่ต้องเตือนกันก่อน เพราะพนักงานไม่เคยบอกค่ะ…
ที่นี่สั่งอาหารได้แค่ 1.30 ชั่วโมง แต่นั่งทานได้ 2 ชั่วโมงค่ะ

ในด้านวัตถุดิบ เท่าที่เคยไปมา เราว่าค่อนข้างสด และสะอาด
การบริการดีค่ะ แม้อาหารมาไม่ครบบ้าง แต่พนักงานก็คอยตามให้
สรุปแล้ว หากคิดถึงเนื้อ หรือซีฟู้ดแบบไม่อั้น เราแนะนำที่นี่ให้เป็นอีกตัวเลือกเลย

รับรองว่าไม่ผิดหวังค่ะ…

Leave a Reply