มาถึงวันที่ 4 ของการเที่ยวเล่นในโตเกียว ในวันนี้จะเน้นช้อปปิ้ง กับเดินดูสถานที่สวยๆค่ะ
ช่วงเช้าก็ไปช้อปกันที่ Shibuya, Harajuku และช่วงบ่าย ไปเดินเล่นกันที่ Odaiba
และปิดท้ายด้วย Shiodome ซึ่งเป็นอีกสถานที่ที่ดังเรื่องการจัด illumination ค่ะ
เริ่มต้นวันนี้ด้วยการไปลุยแหล่งช้อปสุดโปรด Shibuya 109
ที่นี่คนญี่ปุ่นจะอ่านว่า ชิบุยะ อิจิมารุคิว หรือ มารุคิว เฉยๆก็ได้ค่ะ
ที่ชื่อว่า 109 เพราะเปิดตอน 10 โมง ปิดตอน 3 ทุ่มค่ะ
ไปถึงชิบุยะก็แวะหาน้อง Hachiko น้องหมาผู้ซื่อสัตย์ วันนี้วันอาทิตย์คนจะแน่นเป็นพิเศษ
อาจจะมองหายากนิดนึง แต่เนื่องจากมาเช้า เลยยังชิลๆกันได้อยู่ค่ะ
เวลาเดินมา 109 ก็ออกทางออก Hachiko exit ค่า
ออกมาก็จะเจอแยกชิบุยะตรงนี้ ข้ามถนนไปก็ถึงแล้วล่ะ
มาถึงแล้วค่ะ ลุย…..
แค่ผ่านไปไม่กี่นาทีรู้สึกเงินสะพัดมาก เพราะอันนู้นก็ดี อันนี้ก็เซลล์
อีกอย่างนะ… ที่เมืองไทย เสื้อผ้าน่ารักๆคุณภาพดี แพงมากกกก
ยิ่งถ้าเป็นแบรนด์ตัดเย็บเองนี่ 3-4 พันอัพ เลยตัดสินใจซื้อที่ญี่ปุ่นได้ไม่ยาก
ผลิตที่จีนแต่คัตติ้งดีค่อนข้างดีทีเดียว ราคาไม่ต่างจากไทย บางแบรนด์ถูกกว่าด้วยซ้ำ
เลยหอบของกันออกมาเช่นนี้… หนักมากแล้ว เอาไว้ค่อยช้อปต่อ
วันนี้เดี๋ยวต้องไปช้อปที่ Harajuku แต่ก่อนที่จะไป แวะทานอะไรซักหน่อย
เลยเดินกันไปที่ตึก 渋谷八番街店 (Shibuya Hachibangaiten)
ที่ชั้น 6 มีร้าน Omurice ร้านดังอยู่ ชื่อน่ารักมาก
卵と私 (Tamago to Watashi) หรือแปลว่า Egg and I
ร้านนี้มีหลายสาขาค่ะ ที่ชิบุยะก็มี ต่อคิวนาน ประมาณครึ่งชม. ถึงได้ทาน
ขณะที่ร้านข้างๆโล่งเลย รูปหน้าร้านค่ะ
(Cr. Mr.foodnotes) รูปหน้าร้านยืมในบล๊อกคนอื่นมา เพราะไม่กล้าถ่ายจริงๆ
คนยืนเต็มหน้าร้าน
.
.
เมนูอาหารมีหลากหลายมากๆ ราคาไม่แพงค่ะ อร่อยมากเลย
เราเลือกเป็น Drink Set สั่งเมนูใหม่ ซึ่งเป็น Omurice Stew ค่ะ
เนื้อนุ่ม หอมอร่อยมากๆ จานใหญ่ แต่ทานหมดเกลี้ยง…
จานอื่นๆก็อร่อยค่ะ ร้านนี้มีสาขาที่ Ikebukuro Sunshine ชั้น 3 ด้วย ห้างประจำเราเลย
.
.
จบจาก Shibuya ก็นั่งรถไฟไป Harajuku ต่อ
เดินเล่นช้อปปิ้งกันที่ Takeshita Street ถนนสายนี้เต็มไปด้วยของถูก
แต่คัตติ้งก็จะสู้ shibuya ไม่ได้ ก็ตามราคาค่ะ
บางร้านแบบเหมือนที่ชิบุยะอย่างกับก๊อปมา แต่ราคาต่างกันครึ่งนึงแนวนี้ค่ะ
แน่นอนว่ามาที่นี่ ก็ต้องทานเครปกันซักหน่อย น่าทานมากๆ ต่อคิวกันพักใหญ่กว่าจะได้สั่ง
หลังจากนั้นก็นั่งรถไฟเอาของไปเก็บกันก่อน เพราะหอบเต็มมือไปหมด
จากนั้นก็นั่งรถไฟไป Odaiba กันค่ะ เป็นอีกที่ที่เราชอบมาก เพราะชิลๆ บรรยากาศดีมาก
How to go: นั่งรถไฟสาย Yamanote Line ไปลงที่สถานี Shimbashi 新橋駅
จากนั้นเดินออกจากสถานี JR ไปต่อ Monorail สาย Yurikamome ゆりかもめ
เพื่อไปลงที่สถานี Daiba 台場 ใช้เวลา 15 นาที
สะพาน Rainbow Bridge ยามโพล้เพล้ค่ะ ไฟเริ่มเปิดแล้ว ประมาณสี่โมง
เดินเล่น นั่งชิลกันริมอ่าวตรงนี้ หนาวแต่วิวดีมากๆ ถ่ายรูปเพลินเลย
พอฟ้ามืดสนิท ถ่ายออกมาสวยมาก เรียกว่ามุมนี้เป็นมุมเด่นเลย
จากนั้นก็เดินเล่นบนสะพาน เพื่อเดินไป Diver City ที่นี่จะมีกันดั้มขนาดจริงตั้งอยู่หน้าห้าง
พี่หมีอยากไปดูมาก เพราะฮีเป็นแฟนเรื่องนี้เลย ห้างนี้เพิ่งเปิดเมื่อเมษาปี 2012 ที่ผ่านมาค่ะ
ดังมากที่มีกันดั้มมาตั้ง มาถึงปุ้ป ตัวใหญ่อลังการมากกกก
จากนั้นก็พักกินข้าวเย็นกันก่อน
เดินเข้าไปใน Gourmet Stadium ของห้าง Diver City ชั้น 2 มีหลายร้านเลย
แต่สะดุดตาที่ร้านเทปปังร้านนี้ที่คนต่อคิวเยอะมาก น่าอร่อยมากๆ
“Botejyu Express” ที่ป้ายจะเขียนว่า Teppan Yatai
สาขานี้จะเป็นร้านที่รวมเอาเทปปังและยากิโซบะสูตรต่างๆทั่วญี่ปุ่นมาขายค่ะ
เราสั่งของจังหวัดไหนจำไม่ได้ แต่ทุกเมนูที่ขายจะได้รับรางวัลการันตีมาหมดเลย
ว่าได้รับปีไหนบ้าง บางเมนูเป็นเมนูใหม่ก็มีค่ะ
คือสั่งมาสองจาน อร่อยมากๆ อยากกลับไปทานอีกจัง
.
.
หลังจากพักเหนื่อยแล้ว ก็ออกเดินกันต่อ
สถานีนี้เดินไม่รู้กี่กิโล เพราะเดินแต่ละจุดไกลกันมาก หนาวด้วย ลมแรงเลย
เดินกันมาที่ Palette Town ต่อ ที่นี่จะมีหลายจุดให้เดิน
เริ่มจาก Venus Fort shopping mall
ที่นี่จะจำลองสภาพด้านในให้เหมือนแหล่งช้อปปิ้งสมัย 18th century ของฝั่งยุโรปตอนใต้
มีน้ำพุให้ถ่ายรูปสวยๆด้วยค่ะ
ห้างนี้ที่บ้านเราก็ชอบ สวยดี มีร้าน Onitsuka Tiger ข้างๆน้ำพุ
ร้านส่วนมากขายของราคาสูงเหมือนกันค่ะ
ถัดจากนั้นก็เดินไปขึ้น ชิงช้าสวรรค์ หรือ Ferris Wheel
สูง 115 เมตรจากพื้นดิน และถือว่าเป็นชิงช้าสวรรค์ที่ใหญ่ที่สุดของโลก
จากนนั้นก็ลงมากดตู้เกมกันพักใหญ่ ที่ Leisureland ข้างๆ
ที่นี่ได้ของยากอ่ะ ได้แค่ตุ๊กตาตัวเล็กๆกลับมา
.
.
จบจากที่นี่ก็ไปดูไฟปิดท้ายคืนนี้กันที่ Shiodome (ชิโอะโดเมะ) 汐留
ตึกที่เราไปนั้น เป็นอีก illumination spot ของโตเกียวเลย นั่นคือที่ Caretta Shiodome
How to go: จาก Daiba นั่ง Yurikamome ลงที่สถานี Shiodome ใช้เวลา 13 นาที
เดินต่ออีกประมาณ 4 นาที
.
.
ที่ Caretta จะใกล้กับ Subway Oedo Line มากที่สุดค่ะ แต่เรานั่งสาย Yurikamome
จาก Daiba มา จะเดินประมาณ 4 นาทีค่ะ
ห้างนี้เป็นอีกห้างที่หรูมากๆ สวยค่ะ แต่เราไปตอนห้างปิดแล้ว
แต่ illumination ด้านนอกยังเปิดอยู่ค่ะ เลยมาทันดูรอบท้ายๆพอดีเลย
X’mas Theme ในปีนี้คือ “White x’mas in the Sea”
และเป็นแบบ Interactive illumination ด้วยค่ะ
คือจะให้คนดูมีส่วนร่วม ที่ผนังของห้างจะฉายสกรีนใหญ่ เป็นเรื่องราวของเต่าน้อย
ที่หาของประดับต้นคริสมาสต์ โดยให้คนดูช่วยกันปรบมือ เพื่อให้หลอดพลังเต็ม
ของชิ้นนั้นๆก็จะโผล่มา น่ารักดี
จากนั้นก็ได้เวลากลับโรงแรมค่ะ
เนื่องจากวันนี้เดินเยอะมาก เหนื่อย เลยต้องหาอะไรทานก่อนนอนอีกรอบ
เลยคว้าสตอเบอร์รี่มาทานคู่โยเกิร์ตพีช อร่อยดีค่ะ
สำหรับวันนี้ก็เน้นเดินเล่น ช้อปปิ้งกันเป็นหลัก
กลับมารีบนอนเตรียมร่างกายให้พร้อม เพราะพรุ่งนี้ไปลุย Aquarium ที่ใหญ่เป็นอันดับต้นๆ
ในญี่ปุ่น ตั้งอยู่ที่ Yokohama ค่ะ และก็ไปทานราเมงกันที่ Ramen Museum
แหล่งรวมของอร่อยเลยล่ะ ติดตามได้ในตอนหน้าค่า
.
.
To be continued….
.
.
.
ย้อนอ่านบทความท่องเที่ยวญี่ปุ่น ตอนอื่นๆได้ที่นี่
Categories: Dining & Traveling
2 replies »