มาต่อกันที่ไดอารี่ที่เที่ยวเต็มวันเป็นวันสุดท้ายแล้วค่ะ เพราะในวันพรุ่งนี้มีเวลาครึ่งวัน
เลยเน้นช้อปและทานปิดท้ายเป็นหลัก วันที่ 5 ของทริปนี้จึงจัดไปชิลและชิมกันที่ Yokohama
เริ่มต้นตอนเช้ากันที่ Ramen Museum จากนั้นก็ไปเดินเล่นกันที่ Hakkeijima Sea Paradise
ตอนเย็นก็ไปเดินชมวิวสวยๆที่ Minato Mirai ค่ะ เป็นทริปที่สวยๆอีกวัน แถมอาหารอร่อยสุดๆ
เป็นทริปเต็มวันปิดท้ายของปีนี้ค่ะ
เริ่มจากการเดินทางไป Ramen Museum กันก่อน
How to go: เริ่มจากการนั่งรถไฟไปลงที่สถานี Shibuya 渋谷
เพื่อเปลี่ยนรถไฟเป็นสาย Tokyu Toyoko Line 東急東横線
ลงที่สถานี Kikuna 菊名駅 (ใช้เวลา 19 นาที)
และเปลี่ยนรถไฟอีกครั้งเป็นสาย JR Yokohama 横浜線
เพื่อลงที่สถานี Shin-Yokohama 新横浜駅 (ใช้เวลา 2 นาที)
(แต่ถ้าใครมี JR Pass ก็นั่ง Shinkansen ต่อเดียวได้เลย) เมื่อลงแล้วก็เดินตามแผนที่ด้านล่าง
ประมาณ 7-10 นาทีก็ถึงค่ะ
ภายใน Museum จะจำลองบรรยากาศเก่าๆ ในช่วง 1958 ค่ะ
มี Photo spot เดินถ่ายรูปเล่นหลายจุด
เราไปกันแต่เช้า เพิ่งเปิดไม่นาน คนเลยไม่เยอะ เดินถ่ายรูปกันพักนึงก็ค่อยไปทานกันค่ะ
(อยากได้ผ้ากันเปื้อนน้อง Kumamon อ๊าาา)
อ้อ…ที่นี่เสียค่าเข้าต่อคน คนละ 300 JPY ค่ะ
จะมีร้านราเมงชื่อดังในญี่ปุ่นมารวมตัวกัน 9 ร้าน ซึ่งถ้าไปที่ต้นตำรับสาขาร้านนั้นๆ ก็ต้อง
ต่อคิวกันนานมากๆ ที่นี่ก็เจ๋งตรงที่ว่า รวมเอาร้านดังๆมาอยู่ที่เดียวกัน
ไม่ต้องเดินทางไปหลายๆจังหวัด
มาที่นี่ไม่ต้องกลัวเรื่องภาษาจะเป็นปัญหาเลยค่ะ
เพราะทัวร์ไทยลง และคนไทยมาเยอะมาก จนแผ่นพับที่แจกในนี้
มีเวอร์ชั่นภาษาไทยด้วย
หากต้องการทานที่ร้านไหน ก็เดินไปกดตู้ เพื่อสั่งเมนูค่ะ จากนั้นก็เข้าไปรอที่ร้านได้เลย
หากใครที่อยากชิมหลายๆร้าน แนะนำให้กดสั่งแบบ Mini ค่ะ จะได้ไม่อิ่มแน่นเกิน
.
.
ร้านแรกที่เราเลือกไปทานก่อนเพื่อน เพราะคนแน่นร้านที่สุดแม้เพิ่งเปิด
คือร้าน “Ganjya” 頑者
ร้านนี้ถ้าจำไม่ผิดเป็นของจังหวัด Saitama ค่ะ เป็นร้านที่ทำให้ Tsukemen
หรือราเมงแบบแยกน้ำ มันบูมมากทั่วญี่ปุ่น ร้านนี้ดังมากๆ ทั้งเรื่องรสชาด
และเส้นที่แปลกจากราเมงทั่วไป เพราะจะมีเส้นทีหนา แน่นหนึบ น้ำซุบอร่อยมาก ซดกันหมด
เราสั่งแบบ Tsukemen Mini เพิ่มไข่ค่ะ อร่อยมากกกกกกกกกก
ที่แต่ละร้านจะมีป้ายนี้เพื่อบอกว่า ขนาดเส้นและน้ำซุปเป็นอย่างไร
วิธีการดูคือ บรรทัดบน คือ ขนาดเส้น (Thick — Thin)
บรรทัดล่างคือ ความเข้มข้นของซุป (Rich — Light)
อร่อยได้ใจมากๆ เข้าไปอ่านในเวบของร้าน เห็นว่ามีสาขาที่
Ramen Underground ที่ Tobu Ikebukuro ด้วยค่ะ
.
.
จากนั้นก็ไปที่ร้านที่เล็งมาแต่แรก เพราะอยากได้ผ้ากันเปื้อนน้องม่อนนน 55
ร้าน “Komurasaki” こむらさき จากจังหวัด Kumamoto
ตอนเราไปที่คุมาโมโตะ ไม่ได้ไปทานอ่ะ เพิ่งรู้ว่าเป็นร้านดัง มีมานานกว่า 50 ปีแล้ว
พนักงานหน้าร้านพูดภาษาไทยได้ดีมาก จนแอบคิดว่า คนไทยป่าวเนี่ย?
เดินเข้าร้านไป เจอน้องม่อนเต็มร้าน Kumamon!
ร้านนี้ก็อร่อยค่ะ เป็น Tonkotsu ที่ไม่เลี่ยนมาก
.
.
หลังจากอิ่มอร่อยกันแล้วก็ออกเดินทางกันต่อ เพื่อไป Aquarium ที่ใหญ่เป็นอันดับต้นๆ
ของที่ญี่ปุ่นนี้ ที่สำคัญไม่ไกลจากโตเกียวเลยค่ะ
“Yokohama- Hakkeijima Sea paradise” 横浜・八景島シーパラダイス
ที่นี่นอกจากจะมี Aquarium แล้ว ก็ยังมีสวนสนุก Shopping center
และโรงแรมภายในพื้นที่อีกด้วยค่ะ
How to go: จากสถานี shin yokohama เรานั่ง JR yokohama ไปที่สถานี Yokohama
เพื่อเปลี่ยนรถไฟสาย Negishi 根岸線 ไปลงที่ Shin-Sugita 新杉田駅
จากนั้นก็นั่งรถไฟเลียบทะเล Kanazawa Seaside Line 金沢シーサイド線
ไปลงที่สถานี Hakkeijima 八景島駅 ค่ะ
เดินเลียบหาดไปเรื่อยๆ ก็เดินข้ามสะพานอีกหน่อย ก็จะถึง Sea Paradise ค่ะ
วันนี้คนน้อยมากๆ เดินวนหลงหาที่ซื้อตั๋วตั้งนานแน่ะ
มันกว้างมากอ่ะที่นี่ จริงๆแล้วเค้ามีรถไฟรับส่งนะ แต่เราไม่ทราบเวลาว่ามีกี่โมงบ้าง
เลยเดินวนรอบๆเอา
ที่นี่จะมีพื้นที่เป็นทะเลเปิด ให้ทำกิจกรรมได้ด้วย นั่งเรือถีบ ชมปลาโลมาไรงี้
ก่อนจะไปที่ Aquarium แนะนำให้ดูเวลาแสดงโชว์ก่อนนะคะ
ก่อนอื่นเราไปที่ Aquarium ตรงโดมสามเหลี่ยม
เพราะจะมีโชว์แสงสีปลาตู้นี้ ดูเพลินมากๆ ที่ญี่ปุ่นเรียกว่า Iwashi
เรารู้จักกันในนามปลากระป๋อง 555 เป็นปลาซาร์ดีนค่ะ 50,000 ตัว
ว่ายวนได้อลังการ นั่งดูเพลินมากๆ
ข้างกันๆก็มีตู้เพนกวินค่ะ น่ารักมากๆ อยู่กันเป็นฝูง
แต่จะมีอยู่ตัวนึง ชอบเล่นกับคนมาก พอมีคนเดินมาใกล้ๆกระจก ก็จะว่ายมาหา
ทำหน้าที่เจ้าบ้านได้ดีจริงๆ
จากนั้นก็ออกไปเล่นกับน้องโลมากัน
นี่น้องชิซูกะค่ะ น่ารักมากๆเลย
ครูฝึกสู้ตาย หนาวน่าดูเลย
น้องเป็ดน้ำก็สวยจริงๆ
สีสันน่ารักมากๆ
จากนั้นก็รีบวิ่งไปที่ บ่อโลมา เพราะมันจะปิดไวกว่าเพื่อนเลย
ด้านล่างนี้มันคือปลาอะไร หน้าตาต่างดาวมากๆ
illumination ด้านนอกค่ะ สวยมากๆเลย
เป็นต้นคริสต์มาสที่มีโลมาด้านใน
หลายคนอยากถ่ายรูปด้วย แต่ติดปัญหา ยิงแฟลชแล้วภาพไม่สวย
ปกติเราใช้แฟลชไอโฟนนี่แหละ เปิดส่องหน้า แล้วถ่ายค่ะ
รูปที่ได้ โอเคอยู่นะ
จากนั้นก็ไปดูโชว์กันค่ะ
ที่เสตเดี่ยมชั้น 4 น้องโลมาเก่งและน่ารักมากๆ
ชอบโลมาหัวกลมสีขาวๆนี่จัง มันน่ารักมาก เหมือนยิ้มตลอดเวลา
จากนั้นก็เดินวนๆลงมา จนเจอกับพี่หมีขาว กำลังเล่นลูกบอลอย่างสนุกสนาน
หน้าตาดูเหงาๆอ่า น่าสงสารอยู่ตัวเดียว
พอคนลงมาเยอะๆ ก็คาบบอลไปเก็บ แล้วก็เลิกเล่นแล้ว… ขี้อายจริงๆ
.
.
จากนั้นเราก็ออกจาก Sea Paradise ค่ะ เดินไกลนิดนึง
หนาวด้วย…. ไปต่อกันที่ Minato Mirai ตั้งใจจะไปชมวิวที่ Landmark
ไปถึงตอนเกือบ 2 ทุ่ม แต่ดูเวลาแล้วไม่น่าจะทัน ก็เลยไปหาอะไรทานกันแทน
ที่ Minato Mirai วิวสวยมาก รอบหน้าต้องไม่พลาด… วันนี้เวลาน้อยไปหน่อย
ทุกอย่างจะปิดทำการหมดแล้ว
.
How to go: จาก Hakkeijima 八景島駅 นั่งกลับทางเดิม คือนั่งรถไฟเลียบทะเล
Kanazawa Seaside Line 金沢シーサイド線 ไปลงที่ Shin-Sugita 新杉田駅
เปลี่ยนรถไฟสาย Negishi 根岸線 ไปลงที่ Yokohama 横浜駅
และเปลี่ยนรถไฟเป็นสาย Minato Mirai Line みなとみらい線
ลงที่สถานี Minato Mirai Line みなとみらい ค่ะ ใช้เวลาทั้งหมด 57 นาที
ไปไม่ทันถ่ายวิวแถวนี้ เสียดายจัง ไว้ไปใหม่
(ภาพจาก http://www.japan-guide.com/e/e3200.html)
.
.
แต่มารอบนี้ก็ได้ทาน Ochazuke อร่อยๆอีกครั้ง
Ochazuke お茶漬け แปลเป็นไทยง่ายๆ ก็คือ ข้าวใส่น้ำชา คล้ายข้าวแช่บ้านเราค่ะ
เราเป็นคนที่ชอบทานมาก แต่ที่ญี่ปุ่นจะหาร้านที่ขายเฉพาะ ก็มีไม่มากเท่าไหร่
ตอนเรียนเรามักไปที่ร้านนึงซึ่งเราจำไม่ได้ว่าชื่อร้านออะไร แต่อยู่ที่สถานี Fuchu 府中
มารู้อีกทีตอนเขียนบล๊อกนี้นี่แหละ อ้าว….ร้านนี้นี่เองที่ทานที่ Landmark ร้านเดียวกันนี่
ชื่อร้านคือ “Komeraku” こめらく
ที่ Landmark ร้านจะอยู่ที่ชั้น 1 ค่ะ คนเยอะมาก เราต่อคิวครึ่งชม.กว่าๆถึงจะได้ทาน
เมนูที่เราเลือก แน่นอนว่าเป็น ikura + salmon ของโปรดค่ะ
ทุกทีก็ทานแต่เมนูนี้นี่แหละ อร่อยสุดๆ เข้ากับชาสุดๆค่ะ
ที่ร้านนี้สามารถเติมข้าว เติมชาได้ตลอดนะคะ
ขอพูดถึง Ochazuke กันซักหน่อย
อาหารชนิดนี้เป็นอาหารพื้นบ้านมีมานานกว่าร้อยปีแล้ว
ถ้าเทียบก็คงประมาณสมัยร. 5 มาพร้อมๆกับข้าวแช่ชาววังบ้านเราค่ะ
ประวัติของอาหารชนิดนี้เกิดจากพระนิกายเซน พระนิกายนี้ที่ต้องเข้าครัวทำอาหารเองค่ะ
แพร่หลายมายังชาวบ้านนี่แหละ ถ้าข้าวใส่ชาจะเรียกว่า Ochazuke ค่ะ
แต่บางร้านจะเป็นข้าวใส่น้ำร้อนเฉยๆก็เรียกว่า Yuzuke
เอาล่ะมาดูวิธีการทานกัน…
ขั้นแรกก็เทซ้อสลงใน Donburi ถ้วยนี้ก่อน ทานแบบแห้งไปซักหน่อยนึง
แล้วค่อยเปลี่ยนรสชาดด้วยการเทชาลงไป
ที่ร้านนี้มี Donburi หลากหลายหน้าให้เลือกทานค่ะ หรือจะทานเป็นข้าวเซ็ทก็มี
อร่อยมากเลย จำได้ว่ายังพูดกับแม้วอยู่เลยว่าแต่ก่อนชอบไปกินที่ร้านนึงตรงฟุจู
แต่จำชื่อร้านไม่ได้ ในที่สุด ก็รู้ซักทีว่าชื่อร้านอะไร 55
.
หลังจากอิ่มอร่อยแล้วก็ออกมาเดินเล่นแถวๆห้าง
เพราะหอคอยชมวิวมันใกล้เวลาปิดแล้ว แค่เดินไปถึงก็คงปิดพอดี
บริเวณรอบๆวิวก็สวยดีค่ะ บรรยากาศดี อากาศหนาว ลมแรงทีเดียว
.
.
วันนี้กว่าจะกลับถึงโรงแรมก็ดึกเลย เพลียมาก เดินเยอะสุดๆ
พรุ่งนี้ต้องกลับกทม.แล้ว ก่อนกลับก็ช้อปส่งท้าย และปิดมื้อเที่ยงด้วยเนื้อย่างสุดอร่อย
Happy Trip!
.
.
.
.
ย้อนอ่านบทความท่องเที่ยวญี่ปุ่น ตอนอื่นๆได้ที่นี่
Categories: Dining & Traveling
ข้อมูลแน่นปึ้กมากเลยจ๊ะ