บล๊อกนี้หลายคนอาจจะบอกว่า “มันควรจะมีมาตั้งนานแล้วนะคะคุณพี่….”
ฮ่าๆ ประเด็นคือ มีพี่ๆ น้องๆ หลายๆคนอีเมลล์มาบ้าง เมสเสสมาบ้าง หรือแม้แต่โทรมาถามว่า
“จะไปเที่ยวญี่ปุ่นเอง ต้องเตรียมตัวยังไงดี?” เรียกว่าเป็นคำถามยอดฮิตอีกคำถามในบล๊อกเราเลยล่ะ
ในครั้งนี้เลยขอรวบรวมมาเป็นข้อๆในการเตรียมตัวไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองนะคะ
.
.
สืบเนื่องจากการที่ญี่ปุ่นได้ละเว้นวีซ่ากับคนไทย ปีที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวไทยจึงไปเที่ยวญี่ปุ่นกันเยอะมากกก
ซึ่งถือเป็นเรื่องดีที่ญี่ปุ่น แต่ก็มีไม่น้อยที่ไปสร้างวีรกรรมงามหน้าไว้มากมาย จนคนหลายๆที่
เริ่มมีป้ายประกาศเตือนเป็นภาษาไทยว่า “ห้าม..” หรือ “กรุณาอย่า…” อายเค้าซะจริงๆเล้ย
.
เอาล่ะไม่บ่นเยอะ มาเข้าเรื่องการเตรียมตัวไปญี่ปุ่นกันเลยดีกว่า
.
.
“Passport และเอกสารการรับรอง”
หลังจากที่ญี่ปุ่นได้ยกเลิกวีซ่าแล้ว คิดว่าหลายๆคนคงกังวลว่าจะผ่านตม.ไปได้มั้ย
สบายๆค่ะ ทางญี่ปุ่นไม่ได้เข้มงวดมากมายอะไร แต่เพื่อความสบายใจ ก็ติดเอกสารการรับรองการทำงาน
หรือพาสปอร์ตเล่มเก่าๆไปก็ดี (ในกรณีที่พาสปอร์ตใหม่) แต่ส่วนมากจนท.เค้าจะไม่ค่อยถามอะไรมากค่ะ
ส่วนพาสปอร์ต ก็ควรมีอายุเหลืออย่างน้อย 6 เดือนขึ้นไปค่ะ
.
.
“สภาพอากาศ และการจัดเตรียมกระเป๋าเดินทาง”
ที่ญี่ปุ่นมีทั้งหมด 4 ฤดูค่ะ ซึ่งแต่ละภูมิภาคก็จะร้อนหนาวไม่เท่ากัน ในบล๊อกนี้ขอเอาโตเกียวเป็นหลักนะคะ
MAR – MAY : Spring
JUN – AUG : Summer
SEP – NOV : Autumn
DEC – FEB : Winter
(ท่องมาตั้งแต่สมัยเรียนว่า ” มี – มิ – กัน – ธัน / ผลิ ร้อน ร่วง หนาว”)
.
อุณหภูมิเฉลี่ยในโตเกียว
.
.
ปริมาณน้ำฝนใตเกียวค่ะ ยิ่งกราฟสูงก็ยิ่งตกเยอะ
CR: www.worldweatheronline.com
.
ญี่ปุ่นเป็นประเทศเกาะ ดังนั้น แม้ว่าอุณหภูมิจะไม่ได้ลดต่ำมากมาย แต่ถ้าเจอลมแรงๆเข้าไปก็สั่นเหมือนกัน
ถ้าเป็นคนขี้หนาว พกแจ็คเกตไปก็ไม่เสียหายค่ะ และถ้าไปญี่ปุ่นช่วงหน้าหนาวที่อุณหภูมิติดลบ หรือใกล้ๆ 0
แนะนะให้ซื้อที่ปิดหูค่ะ เพราะเป็นตัวช่วยสำคัญที่สุดของเราเลยล่ะ เมื่อปิดหูปุ๊ป อุ่นขึ้นเท่าตัวค่ะ
บางคนไม่ค่อยให้ความสำคัญนะ แต่คิดผิดเลยล่ะ ที่ปิดหูช่วงหน้าหนาวกับเรานี่ขาดไม่ได้
ส่วนฝนที่ญี่ปุ่นเป็นอะไรที่น่ารำคาญมาก เพราะตกหยุมหยิม บางวันจะหนักก็หนัก ส่วนวันไหนตกปรอยๆ
ก็ตกอยู่อย่างนั้น ถ้าไม่ได้หนักมาก ไม่ต้องรอฝนหยุดค่ะ ลุยเลย เพราะมันไม่หยุดง่ายๆถ้าตกเบาอ่ะนะ
ช่วงฤดูใบไม้ผลิ หรือช่วงซากุระ มันก็จะมาพร้อมโรคยอดฮิตอย่างหนึ่งในญี่ปุ่น
ถึงขนาดมีพยากรณ์ความรุนแรงของโรคนี้ทุกเช้าเลยล่ะนะ โรคนี้คือ “คะฟุงโช”
หรือในไทยก็คงเรียกกันว่า โรคแพ้ละอองเกสรต้นสน ตอนที่เราอยู่ญี่ปุ่นก็เป็นค่ะ
อาการคือ คัน ผดขึ้น สิวขึ้น น้ำตาไหล แสบตา ซึ่งแต่ละคนอาการไม่เหมือนกันค่ะ
วิธีแก้… ทาน Telfas ยาแก้แพ้ช่วยได้ค่ะ และก็อย่าลืมคาดผ้าปิดปากกันละอองนะคะ
.
ส่วนใครอยากเช็คสถาณการณ์ซากุระว่าบานเต็มที่ช่วงไหน
ก็เช็คได้ที่เว็บหลักเว็บนี้เลย sakura.weathermap.jp (ภาษาญี่ปุ่น)
.
“เตรียมแพลนการเดินทางล่วงหน้า”
ที่ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่เดินทางด้วยรถไฟสะดวกมากๆ เพราะรถไฟเชื่อมถึงกันหมด
และรถไฟเค้าก็ตรงเวลามากๆค่ะ ทำให้เราแพลนการเดินทางได้ง่าย (ยกเว้นช่วงพายุเข้านะคะ)
เราสามารถเสิร์ชการเดินทางที่เว็บไซต์ Jorudan ค่ะ (มีหลายเว็บมาก แต่เว็บนี้ภาษาอังกฤษใช้ง่ายสุด)
http://www.jorudan.co.jp/english/
ถ้าใครอ่านภาษาญี่ปุ่นได้ แนะนำให้ใช้เวอร์ชั่นญี่ปุ่นค่ะ เพราะมันบอกละเอียดกว่ามาก ไม่มีหลง
และถ้าใครเดินทางเยอะๆ ไปหลายจังหวัด ก็ลองดู JR Rail Pass จะประหยัดกว่า แต่ก็ต้องลองคำนวนดีๆ
เพราะถ้าไปใกล้ๆ ถึงไปเยอะบางเส้นทางซื้อพาสก็ไม่คุ้มค่ะ ดังนั้นควรทำแพลนล่วงหน้านะคะ
.
ส่วน JR Rail Pass มีหลายประเภทมากๆ ลองสอบถามตามบริษัททัวร์ที่ขายดูค่ะ เพราะเราต้องซื้อที่ไทย
แล้วนำตั๋วไปแลกเป็นพาสที่ญี่ปุ่นค่ะ แต่ถ้าไม่ได้ซื้อพาสก็แนะนำให้ซื้อบัตร SUICA ค่ะ
บัตรเดียวใช้จ่ายได้ทั้งรถไฟ บัส ร้านอาหาร และที่ต่างๆ ซึ่งถ้าจะเอาให้คุ้ม แนะนำซื้อเป็น NEX + SUICA
นั่ง Narita Express จากสนามบิน เข้าตัวเมืองชม.นิดๆค่ะ และก็ได้บัตร SUICA มาด้วย
.
.
“สกุลเงินเยน”
ที่ญี่ปุ่นใช้เงินเยนทั้งหมดค่ะ ซึ่งเรทก็แตกต่างกันไป เราเคยไปตอนที่แพงสุดคือ 100 เยน = 39 บาท
ส่วนเรทปกติเฉลี่ยก็อยู่ที่ 100 เยน = 31 -33 บาทค่ะ
เราสามารถใช้บัตรเครดิตได้แทบจะทุกที่เลย ไม่ว่าจะเป็นห้าง หรือร้านขายยาต่างๆก็ใช้ได้ค่ะ
เงินไม่พอจะทำยังไง??? ไม่ต้องกังวลเลยค่ะ เราสามารถนำบัตร ATM ของเรา กดออกมาเป็นเงินเยนได้
ลองพลิกด้านหลังบัตรดูถ้ามีสัญลักษณ์ “PLUS” หรือ “ATM pool” ส่วนมากจะใช้ได้
แต่ต้องโทรไปบอกที่ธนาคารก่อนนะคะว่าจะนำบัตรไปใช้ที่ญี่ปุ่น
ค่าบริการ 100 บาทต่อการกด 1 ครั้งค่ะ (อัตราขึ้นอยู่กับธนาคารนะคะ ลองเช็คกันดูอีกที)
..
.
“อุปกรณ์ไฟฟ้าที่ญี่ปุ่น”
อีกหนึ่ง topic ที่ต้องรู้เลยนะคะ เพราะต่างกันค่อนข้างมาก
ที่ไทยจะมีค่า Voltage อยู่ที่ 220 -240V (50Hz) ส่วนที่ญี่ปุ่นจะเป็น 100 – 120V (50Hz และ 60 Hz)
ดังนั้นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไทยโดยทั่วไปจะไม่สามารถนำไปใช้ได้ บางอย่างเมื่อลองเสียบแล้วใช้ได้
แต่ก็จะไม่เต็มประสิทธิภาพและยังอาจจะทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าเสียได้ (ไฟไม่พอ)
ส่วนการนำเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ญี่ปุ่นมาใช้ที่ไทย อันตรายมากกก!!!!
เพราะค่าไฟที่ญี่ปุ่นกับไทยไม่เท่ากัน พอเสียบอุปกรณ์ปุ๊ป อาจจะทำให้ระเบิดหรือไหม้ได้ค่ะ
(เคยมาแล้ว = o = เสียบมือถือของญี่ปุ่นโดยไม่ดูให้ดีว่าไม่ได้รองรับไฟที่ไทย เสียบปุ้ปควันขึ้นเลย)
แต่พวกอุปกรณ์มือถือหรือกล้องต่างๆ ส่วนมากจะเป็นแบบ International ค่ะ คือครอบคลุม 100-240V
ดังนั้นก่อนนำเครื่องใช้ไฟฟ้าอะไรไปใช้ก็ลองเช็คดูกันก่อนนะคะ
(Cr: http://www.furniture-rental-tokyo.com/useful_info/electricity1.html)
.
เรื่องปลั๊ก outlet ก็เช่นกัน หัวจะไม่เหมือนกับที่ไทยค่ะ
ที่ไทยจะเป็นหัวกลมสองขา บางอย่างก็จะมีสามขา แต่ที่ญี่ปุ่น เป็นแบบขาแบน สองขานะคะ
.
.
“Pocket Wifi” ไม่พลาดการเชื่อมต่อ
ณ ปัจจุบัน Pocket Wifi กลายเป็นอีกไอเท็มที่ควรเตรียมก่อนเดินทางไปญี่ปุ่นค่ะ
เนื่องจากที่ญี่ปุ่นไม่ค่อยมีไวไฟฟรีให้ใช้ค่ะ ที่โรงแรมก็มักจะมีค่ะ แต่บางรร.มีเฉพาะ Lobby
ใครที่ต้องการใช้อินเตอร์เน็ทตลอดเวลา ต้องการความสะดวก ก็แนะนำให้เช่า Pocket Wifi ค่ะ
Pocket Wifi ถ้าเช่าของทางญี่ปุ่น ก็จะมีหลายบริษัทให้เลือกค่ะ ค่าบริการคิดต่อวัน
โดยประมาณแล้วก็ 700 – 800 JPY/ day (230++บาท) ซึ่งเครื่องนี้จะเหมือน router ขนาดพกพา
สามารถแชร์เน็ทกันได้หลายเครื่องค่ะ หารกับเพื่อนร่วมทริปก็จะคุ้ม โดยทั่วไปจะใช้แบตได้นาน 4-5 ชม.
แต่บางรุ่นที่หนักกว่าหน่อยก็จะใช้ได้นานถึง 10 ชม.ก็มีค่ะ ซึ่งบริการพวกนี้ก็มีหลายแบบ
เรามักจะสั่งจองผ่านเน็ทแล้วก็ให้ทางบริษัทส่งไปยังโรงแรมที่เราพักค่ะ แต่การเช่านี้ก็ต้องระวังหน่อย
เพราะถ้าทำหาย เค้าคิดค่าเสียหายราวๆเครื่องละ 2-30,000 บาทเลยทีเดียวนะ
และตอนคืนเครื่องก็ต้องไปส่งไปรษณีย์ที่ร้าน Lawson หรือจะใช้ Yamato ก็ได้ค่ะ (ค่าส่งประมาณ 600 เยน)
หรือจะอีกตัวเลือกคือ Pocket wifi ของไทย แล้วเปิดโรมมิ่ง ที่เราใช้คือ AIS วันละ 450 บาท
เครื่องเป็นแบบซื้อขาดค่ะ เครื่องเบาพกสะดวก ไม่ต้องเสียเวลาส่งคืนเครื่อง (รีวิว AIS Pocket wifi)
.
.
สิ่งที่ต้องเตรียมก็มีประมาณนี้ค่ะ ถ้านึกอะไรออกเพิ่มจะมาเขียนเพิ่มเติมภายหลัง
หรือหากแฟนบล๊อกมีหัวข้ออะไรก็คอมเม้นท์ไว้ได้ค่ะ ตอนนี้ที่นึกออกก็มีประมาณนี้
ขอให้เที่ยวญี่ปุ่นกันให้สนุกนะคะ 😀
.
.
ส่วน Kirari Japan Trip ก็หาอ่านย้อนหลังได้ที่นี่ค่ะ
(เสียดายบล๊อกเก่าๆที่ลิ้งค์เสียไปแล้ว ตอนนี้แบ็คอัพมาได้เท่านี้ค่ะ)
Categories: Diary, Dining & Traveling
ปีหน้ามีแพลนจะไปกับเพื่อน แวะมาเก็บข้อมูลบล็อกน้องแป้งไปพลางๆก่อน ^^
พี่แป้งรีวิวเที่ยวอีกบ่อยๆนะคะ แอบอยากเห็นฮอกไกโดช่วง snow festival ด้วย อิอิ
ปีหน้าว่าจะลุย Snow fest อีกรอบจ้า เดี๋ยวกลับมาเขียนคร้าบ
blog นี้ดีมากค่ะ
100/100 เลย เป็นประโยชน์ต่อคนที่อยากมาเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองแน่ ๆ ค่ะ ^^
ญี่ปุ่นน่าไปสุดๆ ทำงาน เก็บตังๆ ✌️✌️