ควรตรวจซักครั้ง กับ Urine Organic Profile ร่างกายขาดอะไร ระบบเป็นอย่างไร รู้ได้หมด

มาตามที่เกริ่นไว้ในเพจว่าวันนี้จะมาเล่าเรื่องการตรวจ Urine Organic Profile หรือเรียกแบบเข้าใจง่าย

คือการตรวจวิตามินและระบบต่างๆในร่างกายว่าปกติหรือไม่ 

การตรวจนี้จะมีในรพ.ใหญ่ๆหรือ คลินิกเฉพาะทางที่แพทย์มีความสามารถในการอ่านและ

วิเคราะห์ค่าได้อย่างถูกต้อง เราเลือกมาที่ Klaire’ Clinic ตรงเอกมัย เพราะมีคนแนะนำ

และราคาเมื่อเทียบกับรพ.แล้วค่อนข้างถูกกว่ามาก

 

ทำไมจู่ๆถึงมาตรวจ ???

เหตุเกิดเพราะได้คุยกับน้องเอิ๊กเรื่องวิตามิน เพราะเราเองกินวิตามินเสริมน้อยมาก

มีแค่วิตซี กับคอลลาเจนแค่บางช่วง เพราะไม่รู้จะทานอะไร ไม่ใช่ว่าทานทุกอย่างจะดี

บางทีเราก็ไม่รู้ว่าเราขาดอะไร มีอะไรเยอะเกิน เลยได้ข้อมูลมาว่า

สมัยนี้เค้าสามารถตรวจวิตามินแร่ธาตุในร่างกายได้ผ่านการเจาะเลือด

แต่ในครั้งนี้เราเลือกอีกโปรแกรม ซึ่งครอบคลุมมากกว่า และได้ผลที่กว้างกว่า

ได้รู้ถึงระบบภายในร่างกายด้วยว่าปกติหรือไม่ ผ่านการตรวจ Urine Organic Profile

ซึ่งตรวจผ่านปัสสาวะ

Urine Organic Profile คืออะไร ?? ตรวจแล้วรู้อะไรบ้าง ??

คือการตรวจปริมาณกรดอินทรีย์ (Organic acids) ในปัสสาวะ

จะแสดงถึง metabolism ของระบบต่างๆในร่างกาย ว่าเป็นปกติหรือไม่

สะท้อนถึงความสมบูรณ์ในระบบต่างๆ ต้ังแต่ระดับเซลล์

จนถึงการทางานร่วมกันของอวัยวะต่างๆ เช่น ระบบประสาท , ระบบล้างพิษ

หรือการทำงานของลำไส้ เมื่อรู้แล้วเราจะได้ปรับการทานอาหารและ Lifestyle

ให้ร่างกายเรากลับมาสมดุลได้

และใครที่มีอาการผิดปกติ ก็สามารถตรวจเพื่อวิเคราะห์ผลและรักษาได้ เช่น

อาการวิตกกังวล / ซึมเศร้า / อารมณ์แปรปรวน

ความผิดปกติเกี่ยวกับสมาธิและความจำ

อาการโรคภูมิต้านทานเป็นพิษต่างๆ

ท้องอืด / ท้องผูก / คลื่นไส้ / กรดไหลย้อน

ระดับน้ำตาลในเลือดผิดปกติ

ผิวหนังอักเสบ

อาการทางหูคอจมูก

อาการอ่อนเพลีย

ปวดศีรษะเรื้อรัง

ความดันโลหิตสูง

โรคตับ

ปวดตามกล้ามเนื้อและข้อต่อ

นอนหลับไม่ปกติ

 

แป้งเลือกมาที่ Klaire’ Clinic ที่นี่เป็นคลินิกเฉพาะทางด้านเวชศาสตร์ชะลอวัย

ไม่ได้มีคอร์สเสริมความงามแบบที่เราคุ้นเคย แต่จะเน้นเรื่องสุขภาพและชะลอวัยเป็นหลัก

http://www.klaireclinic.com/

ที่นี่มีบริการตรวจหลายอย่างมากๆ ลองไปปรึกษาแพทย์หรือดูในเว็บไซต์ก่อนไปก็ได้ค่ะ

และแนะนำให้โทรจองคิวก่อนไปทุกครั้ง เพราะคนไข้ที่นี่แน่นตลอด และจะมาตามคิวเวลานัด

 

การเตรียมตัวไปตรวจ

การตรวจ Urine Organic Profile ไม่ต้องเตรียมตัวอะไรมาก แค่งดเนื้อสัตว์ในมื้อเย็น

และเก็บปัสสาวะในช่วงเช้า จากนั้นก็ส่งแมสมาให้ที่คลินิค รอผลประมาณ 1-2 สัปดาห์

แพทย์จะนัดมาฟังผล และวิเคราะห์ผลค่ะ

คุณหมอที่แป้งปรึกษาในครั้งนี้คือคุณหมอแหม่ม แพทย์หญิง พัฒศรี (พงษ์สถิตย์) เชื้อพูล

ครั้งแรกที่เดินเข้าห้องไปคือตกใจ… ทำไมหมอเด็กมาก เหมือนหมอจบใหม่ ความมั่นใจหายไปนิดหน่อย

แต่พอแอบถามคุณหมอแล้ว คือ…ตกใจอีกครั้ง คุณหมออายุมากกว่าเราหลายปีมากๆๆๆๆๆ 

แต่ผิวตึง สดใส ไม่เคยฉีด ไม่เคยโบท็อกซ์ และคุณหมอแทบไม่แต่งหน้าเลย แล้วคือผิวสวยมากกก

จุดๆนี้คือหมอบอกให้ทำอะไร ทำค่ะ! งานผิวของหมอผิวหนังคือกุญแจความน่าเชื่อถือสำหรับเราค่ะ

 

วันที่เราเข้าไปฟังผล ก็เตรียมใจไประดับนึง เพราะเราไม่เคยคุมอาหาร ไม่ใช่สาย Healthy

ผลที่ออกมาไม่น่าจะดีเท่าไหร่มั้ง แต่กลายเป็นว่า มันมีอะไรที่ซ่อนมากกว่านั้นที่เราเพิ่งรู้

เริ่มแรกคุณหมอจะอธิบายให้ฟังคร่าวๆก่อนว่า สิ่งที่เราตรวจจะเห็นอะไรบ้าง

ระบบอะไรเชื่อมกับอะไร แล้วผลที่ได้สื่อถึงระบบใดบ้าง การฟังผลของเราใช้เวลาชม.กว่าๆ

ใครที่มาฟังผล อยากให้เผื่อเวลาไว้หน่อยค่ะ เพราะถ้าเจอปัญหาระบบภายใน จะต้องคุยยาวหน่อย

ผลการตรวจเราจะได้มาเป็นเล่ม (ของเรา 8 หน้า)

ตอนฟังผลแนะนำให้ตั้งใจฟัง เพราะในเล่มไม่ได้บอกรายละเอียด และคำแนะนำแบบที่คุณหมอพูด

 

ปัญหาที่เราเจอแต่ละอย่างคืองงกับร่างกายมาก

ข้อแรกเลย… เราขาดกรดอะมิโน = เราขาดโปรตีน ทั้งๆที่เรากินโปรตีน กินเนื้อหนักมาก

ข้อสอง… เราขาดไอโอดีน ทั้งๆที่เรากินอาหารทะเลหนักมากเช่นกัน ร่างกายดูดซึมไม่ได้

ข้อสาม…เราขาดวิตามินหลายๆตัว และบางตัวก็มีมากเกินไป 

ข้อสี่…อันนี้คือสาเหตุของหลายๆปัญหาที่เจอครั้งนี้ คือร่างกายเรา Yeast Overgrowth

หรือเรียกง่ายๆว่า “มีเชื้อรา” !!!

 

เห้ย…อะไรคือ “เชื้อรา” ??? อยู่ตรงไหนในร่างกาย ???

การที่ร่างกายมีเชื้อราไม่ใช่เรื่องแปลก และเกิดขึ้นได้กับหลายคน

แต่ไม่ควรมีนานเกินไป เพราะจะส่งผลต่อระบบประสาทโดยตรง และไปรบกวนการทำงาน

ของระบบอื่นๆในร่างกาย สิ่งที่น่ากลัวสุดของเชื้อราคือ “โรคอัลไซมเมอร์”

คุณหมอวิเคราะห์ผลการตรวจเราและชี้ให้เห็นว่า การที่ร่างกายมีเชื้อรา มันไปกวนระบบอื่น

ทำให้เราย่อยโปรตีนไปเป็นกรดอะมิโนไม่ได้ เส้นทางมันตันในหลายๆระบบ

สาเหตุที่เกิดมีได้หลายทางมาก เช่น

  • ชอบทานอาหารที่เชื้อราชอบ เช่น เห็ด, ชีส, ของหมักดอง, ซีอิ้ว
  • พวกอาหารญี่ปุ่นคือเพียบ ไม่ว่าจะเป็นมิริน โชยุ ที่อยู่ในซูชิ
  • ขนมปังต่างๆ 
  • ผลไม้บางอย่าง เช่น กล้วย, เมล่อน
  • แอลกอฮอลล์
  • ทานยาแก้อักเสบบ่อยๆ หรือยาฆ่าเชื้อ
  • ตอนเด็กๆเป็นหวัดบ่อย แล้วทานยาแก้หวัดบ่อยๆ โดยไม่มีการเติมเชื้อดีเข้าไป

ประเด็นสุดท้ายน่าสนใจ เพราะหมอบอกว่าในสมัยก่อน มันไม่มี study เรื่องนี้จริงจัง

เวลาเราเป็นหวัด หมอก็จะให้แค่ยาแก้อักเสบ ฆ่าเชื้อต่างๆ พวกเชื้อไม่ดีในร่างกายเรา

ก็เลยถูกฆ่าไปหมด ร่างกายคลีนมากเกินไป เทียบง่ายๆว่า ทำไมคนที่รักสะอาดเกินไป

ถึงป่วยได้ง่าย หรือคนที่ล้างหน้าบ่อยๆล้างหน้าสะอาดเกินไปถึงเป็นสิว

เพราะเมื่อร่างกายที่สะอาดเกินไป ได้รับเชื้อที่ไม่ดี เชื้อนั้นจะเข้าไปยึดพื้นที่

และเติบโตในร่างกายเราโดยดูดซึมเอาวิตามินแร่ธาตุจากร่างกายเราไป

พอเชื้อไม่ดีมีเยอะมากๆ เชื้อดีก็เข้ามาแทรกไม่ได้ ทำให้เกิดอาการ Yeast Overgrowth

 

จริงๆมีอีกเยอะ แต่เราจำมาเฉพาะสิ่งที่เรากินบ่อย พอหมอพูดมาก็ตกใจเบาๆว่า สิ่งที่ราชอบ

เราก็ชอบหมดเลยจริงๆ แล้วก็ทานบ่อยมากจริงๆ เช่น กล้วย นี่คิดว่าดี ก็ทานประจำ

กลายเป็นว่าไปเสริมเชื้อราที่มีในร่างกาย  พวกชีส ขนมปังก็ทานแทบทุกเช้า อาหารญี่ปุ่นก็ไม่ต้องพูดถึง

อาการของคนที่มีเชื้อรามีได้หลากหลาย เช่น อ่อนเพลียง่าย, ลิ้นขาว, ความจำไม่ดี,

ท้องอืด, ภูมิแพ้ อาการคันต่างๆ อาการของเราไม่ได้ออกอะไรในตอนนี้ แต่หมอบอกว่า

แก่ตัวไปมันจะชัดเรื่อยๆ ควรแก้ไขตั้งแต่ตอนที่ยังทำได้

 

อาการเชื้อรานี้ คุณหมอบอกว่า คนญี่ปุ่นเป็นกันหนักมาก

แต่ใครที่ชอบทานพวกนัตโตะก็จะเป็นการหักล้างกันไป และคนไข้ญี่ปุ่นของหมอแหม่ม

มาตรวจทีไรก็เจอโรคนี้ ทั้งๆที่ในคนไทยปกติไม่ค่อยเจอ

 

เอาล่ะ… แล้วแก้ไขอย่างไร ?

ไม่ต้องตกใจไปค่ะ การมาตรวจทำให้เราได้รู้สัญญาณเตือนล่วงหน้า

คุณหมอให้ทางเลือกแป้ง 2 ทาง คือการทานยาฆ่าเชื้อรา  กับอีกทางคือ ค่อยๆเติมเชื้อดี

และลดปริมาณเชื้อไม่ดีลงด้วยวิตามิน หรือจะคู่กันไปเลยก็ได้

เราจะลองวิธีที่ 2 ก่อน คือเติมเชื้อดีเข้าไป และลดเชื้อไม่ดีลงโดยการไม่ใช้ยารุนแรง

โดยทานวิตามินเพิ่ม และปรับการทานอาหาร ลดพวกอาหารที่ราชอบ ประมาณ 3 เดือนขึ้นไป

ทานออริกาโน กระเทียมอัดเม็ดเพิ่มขึ้น ตอนนี้คือใช้ออริกาโนแทนผงโรยข้าวไปแล้วล่ะ 55

ผลจาก Lab จะแจ้งปริมาณวิตามินที่แนะนำว่าควรทานเสริม แต่ของเราเยอะมาก

ซึ่งคุณหมอบอกว่าไม่จำเป็นต้องทานทุกตัวตอนนี้ จะเลือกเฉพาะอันที่จำเป็นก่อน

 

ซึ่งวิตามินที่ Klaire’ Clinic คุณหมอสามารถ customize มาให้ได้

บางตัวสามารถรับกลับเพื่อทานได้เลย แต่บางตัวของเราต้องมารับอีกครั้ง

หรือให้แมสไปส่งที่บ้านก็ได้

วิตามินของที่นี่แพคมาให้อย่างดี เป็นมื้อๆ ซึ่งคุณหมอจะจ่ายเป็นรายเดือน พอครบเดือนก็ค่อยไปเช็ค

และปรึกษาคุณหมอใหม่ว่าจะยังไงกันต่อ

 

สรุปค่าใช้จ่ายของการตรวจครั้งนี้

ค่าตรวจ Urine Organic Profile 17,000 บาท

ค่าวิตามิน 3,600 และมีวิตามินที่สั่ง customize อีกประมาณ 3,000 บาท

ค่าตรวจของที่นี่ราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับที่อื่น (ถ้าเป็นรพ. จะอยู่ที่ 3 หมื่นขึ้นไป)

และผลที่ได้ค่อนข้างครอบคลุม แพทย์น่าเชื่อถือ มีความรู้เฉพาะทาง

เป็นอีกการตรวจที่อยากให้ทุกคนได้ตรวจซักครั้ง จะได้รู้ถึงระบบในร่างกาย และแก้ไขได้ทัน

 

อ้อ..เราได้ยินมาด้วยสำหรับคนที่จะเป็นคุณแม่ คุณหมอก็มีโปรแกรมคัสตอมวิตามิน

เสริมให้ลูก Genius ได้ด้วยเช่นกัน แต่โปรแกรมนี้เราขอผ่าน ไม่มีแผนจะมีน้องเลย

แต่ฟังจากบรรดาแม่ๆที่ทาน เป็นโปรแกรมที่น่าสนใจมาก เผื่อใครสนใจก็ลองไปสอบถามคุณหมอดูค่ะ

 

 

 

 

Categories: Diary

Tagged as: ,

Leave a Reply